วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552

จดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา

จดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา

17  เมษายน 2552

เรื่อง การแก้ปัญหาชาติและนำความสุขสงบร่มเย็นกลับคืนสู่ประเทศไทย
เรียน คณะรัฐมนตรี สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ทุกท่าน

 

 

   เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของกลุ่มประชาชนที่อ้างว่าเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติหรือชื่อย่อว่า "นปช." หรือที่ประชาชนทั่วไปทั้งสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศต่างก็เรียกว่า "กลุ่มเสื้อแดง" นั้น ได้ลุกลามบานปลายไปมาก จนเกินขอบเขตของการกล่าวอ้างของแกนนำผู้ชุมนุม รวมทั้งการกล่าวอ้างของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ผู้ชุมนุมได้ใช้สิทธิในการชุมนุมอย่างสงบและภายใต้ขอบเขตของสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำลายข้าวของ ยึดรถเมล์สาธารณะมาเผาทิ้ง  จนน่ากลัวว่าไฟจะลุกลามมาเผาบ้านเรือนประชาชน ทำลายสิ่งของของชาวบ้าน และข่มขู่คุกคามและทำร้ายบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไป หรือผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรี หรือผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี จนได้รับบาดเจ็บ และประชาชนได้รวมตัวกันออกมาต่อต้านและขับไล่กลุ่มเสื้อแดง ตามภาพข่าวที่เห็นอยู่นั้น
  ในขณะที่รัฐบาลได้ใช้วิธีการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างนุ่มนวล และไม่ใช้มาตรการรุนแรงใดๆทั้งสิ้น ทำให้เพลี่ยงพล้ำต่อกลุ่มผู้ชุมนุม จนทำให้ผู้ชุมนุมสามารถข่มขู่และขัดขวางการประชุมนานาชาติระหว่างผู้นำอาเซียนและผู้นำประเทศคู่เจรจาทางการค้าอีก 6 ประเทศ ทำให้ประเทศไทย เสียภาพลักษณ์ของการเป็นประเทศที่มีความสงบสุขร่มเย็น เสียโอกาสในการเจรจาค้าขายและหาความร่วมมือระหว่างประเทศ
 
 แทนที่พ.ต.ท.ทักษิณจะเห็นว่าการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นเรื่องเสียหายแก่ประเทศชาติ เหมือนกับความรู้สึกของคนไทยผู้รักชาติรักบ้านเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ กลับแสดงความพอใจกับการกระทำของกลุ่มเสื้อแดง  และเคยกล่าวเรียกร้องให้การชุมนุมกลายเป็น "การปฏิวัติโดยประชาชน"
 
  และเมื่อกลุ่มเสื้อแดงได้เพิ่มความรุนแรงในการชุมนุมโดยการทำลายข้าวของ ทำร้ายบุคคลอื่นดังที่เราทราบๆกันแล้ว ทักษิณยังไปให้ข่าวกับสื่อต่างประเทศ โดยกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าพวกผู้ชุมนุมมาชุมนุมอย่างสงบ แต่รัฐบาลใช้ความรุนแรงปราบปรามจนมีผู้เสียชีวิตมากมาย
 
   แต่ถ้าใครได้ดูการให้สัมภาษณ์ของทักษิณก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า ทักษิณได้ยอมรับ(จากการกระทำของทักษิณเอง โดยไม่ต้องพูดออกมาว่า )ตัวเขาเองคือผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงอย่างแท้จริง  จนแม้บางครั้งทักษิณเองก็เคยพูดว่า ถ้าการชุมนุมไม่สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการเมืองได้อย่างที่เขาต้องการ คือให้ประธานองคมนตรี องคมนตรี 1 ท่าน และนายกรัฐมนตรีลาออกแล้ว ทักษิณเองก็จะกลับมาประเทศไทย เพื่อจะมานำขบวนในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงด้วยตนเอง
   ต่อมาเมื่อรัฐบาลได้ใช้ทหารมาสลายการชุมนุมตามการประกาศใช้พ.ร.บ.ฉุกเฉินอย่างร้ายแรงในกรุงเทพและปริมณฑล และสามารถสลายการชุมนุมได้  ทำให้เกิดความสงบในกรุงเทพฯได้ในระดับที่น่าพอใจ และได้มีการออกหมายจับกุมแกนนำผู้ชุมนุม มาสอบสวนตามกระบวนการทางกฎหมาย และได้ออกหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณ ในข้อหาเดียวกันกับแกนนำผู้ชุมนุมด้วย
     มีแกนนำบางคนได้ยอมมอบตัวกับทางการ แต่ในขณะเดียวกันแกนนำผู้ชุมนุมบางคนก็หลบหนีการจับกุม แต่ก็ยังให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ยอมยุติกระบวนการชุมนุมนี้ แต่จะไปต่อสู้ทาง "ใต้ดิน" (และให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แก่สื่อต่างประเทศด้วย) ต่อไป
 
 ยังมีประชาชนกลุ่มเสื้อแดง ไปให้กำลังใจแกนนำที่ถูกจับกุม  และยังมีกลุ่มคนไปชุมนุมในต่างจังหวัด เพื่อแสดงการต่อต้านรัฐบาลอีกในหลายจังหวัด
 
  เหตุการณ์ต่างๆที่ประมวลมาโดยย่อนี้ ทำให้มีประชาชนหลายคน ทั้งที่เป็นประชาชนคนทั่วไป ทั้งที่เป็นนักการเมือง นักวิชาการ รวมทั้งผู้ที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ได้มาแสดงความคิดเห็นต่างๆนาๆ เพื่อจะยุติปัญหาความขัดแย้ง และทำให้เกิดความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ เพื่อนำความสงบและสันติสุขในประเทศไทย กลับคืนเหมือนที่เคยเป็นมา
   
  มีการกล่าวถึงวิธีแก้ปัญหาวิกฤติทางการเมืองครั้งนี้อย่างกว้างขวาง เพราะประชาชนทั้งหลายต่างก็หวังดีกับประเทศชาติ อยากให้ประเทศไทยกลับไปมีความสงบสุขร่มเย็นเหมือนเดิม หลายๆคน ต่างก็เรียกร้องหาความสมานฉันท์ ของประชาชนทั้งมวล มีการเสนอให้มีการ "เจรจาโดยสันติวิธี" ระหว่างผู้ประท้วงและรัฐบาล  หรือหาทางออกโดยรัฐสภา ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 22-23 เมษายนนี้
 
 ผู้เขียนในฐานะประชาชนไทยคนหนึ่ง ได้คอยสดับตรับฟังเหตุการณ์บ้านเมือง ด้วยความวิตกกังวลและห่วงใย เช่นเดียวกับประชาชนไทยทั้งมวล  เห็นว่าการแสวงหาทางออกให้แก่ชาติบ้านเมืองด้วยกระบวนการรัฐสภาน่าจะเป็นวิถีทางแห่งประชาธิปไตยที่หลายฝ่ายเรียกร้อง แต่อยากจะเสนอแนะวิธีแก้ปัญหาเพื่อให้ได้ผลระยะยาว เพื่อนำสันติสุขกลับคืนมาสู่ประเทศไทย โดยอาศัยแนวทางตาม
หลักธรรมของพระพุทธองค์ ดังต่อไปนี้
พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐ 4 ประการ คืออริยสัจสี่ เพื่อความ "ดับทุกข์"หรือความไม่มีทุกข์  เพราะความทุกข์คือ "ปัญหา" ของมนุษย์ทุกคน ฉะนั้นขออาศัยแนวทางแก้ปัญหาของพระพุทธองค์มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาของประเทศไทยตามหลักอริยสัจ 4 ดังนี้
 1 .ปัญหา (ทุกข์)
2.สาเหตุแห่งปัญหา (สมุทัย)
3.การหมดสิ้นแห่งปัญหา (นิโรธ)
4.ทางปฏิบัติที่จะนำไปถึงการหมดสิ้นแห่งปัญหา (มรรค)
 
  ในประเทศไทยตอนนี้ มีปัญหาอะไรที่จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดและต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด? และจะแก้อย่างไร?
 
 1.ปัญหาสำคัญที่สุด ที่เผชิญหน้าประเทศไทยอยู่ในปัจจุบันนี้คือปัญหาวิกฤติการณ์ด้านการเมือง
ซึ่งก่อให้เกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมตามมาอย่างต่อเนื่อง
 
 2.สาเหตุแห่งปัญหา เกิดจากการที่ ประชาชนจำนวนมากเกือบทั่วประเทศถูกยุยงและปลุกปั่นให้มาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล โดยมีการละเมิดกฎหมายและก่อความรุนแรงเข้าขั้นการจลาจล
 
3. การหมดสิ้นแห่งปัญหา คือการที่บ้านเมืองสงบสุข ผู้บริหารประเทศสามารถดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ประชาชนทั้งมวลเคารพกฎหมายไม่ใช้ความรุนแรงในการชุมนุมทางการเมือง เพื่อประเทศไทยจะได้ก้าวหน้าต่อไปอย่างสันติวิธี
 
4. แนวทางการแก้ปัญหา มีผู้เสนอแนวทางแก้ปัญหาหลายวิธี แต่ผู้เขียนขอเสนอวิธีการแก้ปัญหาโดยขจัดที่รากเหง้าแห่งปัญหาดังนี้
  4.1  การดำเนินการกับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ดังที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
     รัฐบาลควรเร่งดำเนินการให้ประชาชนทั้งมวลได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องในเหตุการณ์ทางการเมืองของประเทศ  เพื่อให้ประชาชนไม่หลงเชื่อการยุยงปลุกปั่นและบิดเบือนข้อมูลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำกลุ่มเสื้อแดง ประชาชนจะได้ไม่หลงผิด ไปร่วมการชุมนุมอีกในอนาคต ตามที่แกนนำกลุ่มบางคน ยังบอกว่าจะยังต่อสู้ต่อไป
 
4.2 ขอเรียกร้องสส.และสว.ที่เป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ทำหน้าที่ของตนเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาการเมือง โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นกิจที่หนึ่งที่ต้องทำ ทั้งนี้ต้องเคารพกฎหมาย ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม และยึดความสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง สส.และสว.ควรให้ข้อมูลที่เป็นความจริงอย่างครบถ้วนแก่ประชาชน อย่าบิดเบือนข้อมูลข่าวสารที่บอกประชาชน โดยเฉพาะประชาชนในหมู่บ้านที่เลือกพวกท่านมาเป็นผู้ทำงานการเมือง เพื่อรักษาผลประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติ
 
 4.3 รัฐบาลต้อง "บังคับใช้กฎหมาย" อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ อย่าปล่อยให้มีการละเมิดกฎหมาย  ต้องดำเนินการทางกฎหมายกับผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมที่แท้จริงทุกคน
 
4.4 รัฐบาลควรออกแถลงการณ์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและการแก้ไขที่รัฐบาลได้ทำไปแล้ว แถลงการณ์นี้ควรควรทำทั้งภาษาไทยและแปลเป็นภาษาต่างประเทศ เหมือนกัน เพื่อให้ประชาชนไทยทุกคนและประชาคมโลก ได้รับทราบความจริงที่ไม่ถูกบิดเบือนตามการให้ข่าวของหัวหน้าและแกนนำผู้ชุมนุม
 
4.5 การแก้ปัญหาทางรัฐสภาที่จะมีการดำเนินการในวันที่22-23 เมษายนนั้น ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ควรยึดหลักกฎหมาย หลักคุณธรรม จริยธรรม และหลักความจริง โดยยึดเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง
   รัฐบาลควรจัดให้มีการถ่ายทอดสดการอภิปรายในรัฐสภาตลอดเวลา (อย่าหยุดถ่ายทอดเพื่อเสนอข่าวต้นชั่วโมง เหมือนที่เคยทำมา)  และให้สถานีวิทยุและโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศถ่ายทอดสดการอภิปราย เพื่อประชาชนจะได้รับทราบถึง "แนวความคิดและตัวตนที่แท้จริงของผู้อภิปรายในสภา" เพื่อจะได้ทราบว่าสส.หรือสว.คนใดบ้างที่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง หรือถูกซื้อตัวจากอำนาจเงินไปแล้ว
 
 ทั้งนี้เพื่อประชาชนจะได้รับทราบความจริง  เพราะประชาชนทุกคนย่อมมีวิจารณญาณที่ถูกต้องได้ ถ้าเขาได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงและครบถ้วนจากทุกๆฝ่าย
 
4.6 สส.และสว.ควรตระหนักในหน้าที่ของตนเอง ที่มีหน้าที่ทำงานทางการเมืองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต  เคารพกฎหมาย มีคุณธรรม จริยธรรม สส.และสว.อย่าแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจว่า "สาเหตุแห่งปัญหาความไม่สงบสุขของประเทศชาติและประชาชน" ในขณะนี้มี "รากเหง้าแห่งปัญหา" มาจากอะไร และการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนคือการขจัดรากเหง้าแห่งปัญหา ไม่ใช่การสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นใหม่ เช่นการแก้รัฐธรรมนูญ หรือการยุบสภา เพราะจะยิ่งทำให้การแก้ปัญหาล่าช้าออกไป และก่อให้เกิดการขัดแย้งเรื่องใหม่ต่อไปอีก
  การแก้รัฐธรรมนูญหรือการยุบสภานั้น ควรเป็นการแก้ปัญหาขั้นต่อไปในระยะยาว  ไม่ควรใช้เป็นวิธีแก้ปัญหาวิกฤติที่เผชิญชาติบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้
 
4.7 รัฐบาลควร  " ทำสงครามข้อมูลข่าวสารกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล" เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงในบ้านเมือง โดยใช้กลไกของฝ่ายปกครอง เช่นนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อสม. ช่วยกระจายข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง ให้เข้าถึงประชาชนทุกครัวเรือน ทุกหมู่บ้านและตำบล
 
   ปัจจุบันนี้ ประชาชนในหมู่บ้าน ตำบล ได้รับข้อมูลข่าวสารจากกลุ่มเสื้อแดงฝ่ายเดียว ทำให้แกนนำกลุ่มเสื้อแดงสามารถทำให้ประชาชนหลงเชื่อ มาร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อช่วยให้กลุ่มของตนได้รับชัยชนะฝ่ายรัฐบาล  ซึ่งผู้มาร่วมชุมนุมบางคนหลงเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า  กลุ่มของเขาเป็นฝ่ายถูกรังแกและไม่ได้รับความยุติธรรม จากการยุยงปลุกปั่นของแกนนำกลุ่มและหัวหน้ากลุ่ม ที่ปราศรัยปลุกระดมอยู่ตลอดเวลา 
 
 ยังมีกลุ่มประชาชนบางคนที่มาร่วมชุมนุมเพราะเงินค่าจ้าง  แต่ถ้าประชาชนได้เข้าใจว่าการชุมนุมจะเกิดผลเสียหายแก่ประเทศชาติอย่างไร และรัฐบาลได้พยายามบริหารงานโดยทำให้ประชาชนในหมู่บ้าน ได้รับความสุขสบายในการดำรงชีพ ที่เขาสามารถรับรู้ได้ ประชาชนก็คงไม่เห็นแก่เงินค่าจ้างที่จะมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลอีก
 
 หวังว่าข้อคิดเห็นของประชาชนคนหนึ่ง นี้ จะมีสส.และสว. รวมทั้งรัฐบาลนำไปพิจารณา เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาวิกฤติทางการเมือง เพื่อนำความสงบสุขร่มเย็นกลับคืนสู่บ้านเมืองอันเป็นที่รักของเราต่อไป
 

ขอแสดงความนับถือ

พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา

 


Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/