| วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11365 มติชนรายวัน
ทำไมฝรั่งถึงเรียนภาษาไทยได้เร็วจัง?
โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์
ผู้เขียนบังเอิญไปธุระที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ในกรมยุทธศึกษาทหารบก ที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟสามเสนเมื่อไม่กี่วันนี้ มีโอกาสได้รู้จักกับนายทหารอเมริกันคนหนึ่งชื่อ พ.ต.เจมส์ จอนสัน อายุ 32 ปี เป็นนักเรียนนายทหารแลกเปลี่ยนจากสหรัฐอเมริกาผู้กำลังเรียนหลักสูตรเสนาธิการทหารบกอยู่
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้นก็มีคนเดินมาแซวว่า พ.ต.เจมส์ผู้นี้อ่านภาษาไทยได้คล่องและอ่านหนังสือภาษาไทยมากกว่าใครๆ เสียอีก
ผู้เขียนก็เลยหัวเราะแล้วผสมโรงไปด้วยว่าผู้เขียนมีข้อเขียนสั้นๆ ที่เขียนให้ชาวต่างชาติไม่ว่าชาติใดก็อ่านไม่ออกหรอก จึงเป็นเรื่องเฮฮาให้ทดลองกันเลย ซึ่งข้อเขียนดังกล่าวคือ
"โคลงเรือเรือโคลงเพราะโคลง"
ปรากฏว่า พ.ต.เจมส์อ่านได้สบาย ทำเอาผู้เขียนหน้าแตกไปเลย และยิ่งแปลกใจหนักขึ้นไปอีกเมื่อทราบว่าผู้พันเจมส์คนนี้เรียนภาษาไทยก่อนมาเมืองไทยเพื่อศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบกไทยเพียง 10 เดือนเท่านั้น
ผู้เขียนจึงเชิญ พ.ต.เจมส์มาที่บ้านในอีกวันหนึ่งด้วยความอยากรู้ว่า "ทำไมฝรั่งถึงเรียนภาษาไทยได้เร็วจัง" ทั้งๆ ที่ภาษาไทยยากกว่าภาษาอังกฤษตั้งเยอะแยะ ไม่ต้องดูอื่นไกลแค่เปรียบเทียบพยัญชนะกับสระก็เห็นได้ชัดคือ ภาษาอังกฤษมีพยัญชนะ 21 ตัว และสระเพียง 5 ตัว ในขณะที่ภาษาไทยมีพยัญชนะตั้ง 44 ตัว และมีสระอีกถึง 32 ตัว แถมยังมีวรรณยุกต์อีก 4 ตัว แต่มีถึงห้าเสียง
ที่สำคัญคือ พ.ต.เจมส์เรียนภาษาไทยเพียง 10 เดือนแล้วมานั่งเรียนในโรงเรียนเสนาธิการทหารบกมาฟังการบรรยายเป็นภาษาไทยล้วน แถมผู้พันเจมส์ยังถามคำถามและแสดงความคิดเห็นเป็นภาษาไทยมากกว่านายทหารนักเรียนคนไทยทั้งหมดอีกด้วย ซึ่งนักเรียนนายทหารที่เป็นคนไทยก็เหมือนกับคนไทยทั่วไปคือ นั่งเรียนไปเฉยๆ ไม่ค่อยถามหรือแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด
ผู้เขียนมีความหังที่จะหาประโยชน์จากการสนทนาเพื่อที่จะได้ความกระจ่างว่าทำไมคนไทยจึงเรียนภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่องสักทีทั้งๆ ที่ตะบี้ตะบันเรียนกันมาตั้ง 12-16 ปีมาแล้วทั้งนั้น
ผู้พันเจมส์บอกผมว่าการเรียนภาษาไทยของเขานั้นอยู่ที่การฟังเป็นหลัก เขาจะเปิดอินเตอร์เน็ตฟังข่าวสารของเมืองไทยเป็นภาษาไทยและเปิดทิ้งไว้ทั้งวันเพื่อที่จะจับจังหวะการพูดการออกเสียงภาษาไทย ซึ่งภาษาไทยก็เหมือนกับภาษาอื่นๆ ทั่วโลก กล่าวคือ การพูดหรือการอ่านออกเสียงนั้นในทุกภาษาจะมีช่องว่างระหว่างการพูดและการอ่านแม้ว่าภาษาไทยจะเขียนติดกันเป็นพืดไปเลยก็ตาม แต่เมื่อพูดหรืออ่านแล้วจะมีช่องเว้นวรรคเป็นจังหวะอยู่เสมอ
เมื่อใดเราจับจังหวะของการพูดและการอ่านได้แล้วก็จะฟังภาษานั้นๆ ได้สะดวกขึ้น
คุณเจมส์บอกผมว่าเขาต้องดูละครน้ำเน่าแบบละครหลังข่าวช่วงค่ำระหว่างเรียนภาษาไทย ซึ่งมีอัดเป็นซีดีไว้ขายเยอะแยะที่อเมริกาเพราะจำเป็นต้องเรียน "ภาษาหัวใจ" ด้วย
ภาษาหัวใจคือภาษาที่เกี่ยวกับใจนั่นเอง เช่น ชอบใจ เสียใจ ดีใจ ฯลฯ ตลอดจนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความรู้สึก เช่น รัก ชัง หมั่นไส้ (อันนี้คุณเจมส์ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะคนต่างชาติต่างภาษาจะลึกซึ้งถ่องแท้กับความหมั่นไส้อันเป็นนิสัยประจำชาติของคนไทยนั้นหายากมาก)
ภาษาหัวใจที่คุณเจมส์อ้างถึงนี้มักไม่ค่อยมีในหนังสือเรียนหรอก อ้อ! มีอีกอย่างที่น่ารู้ น่าขำมากๆ คือหน้าข่าวกีฬาในหนังสือพิมพ์รวมทั้งรายงานข่าวกีฬาทางโทรทัศน์ด้วยที่สร้างความพิศวงงงงันให้กับคุณเจมส์จนทุกวันนี้ โดยเฉพาะชื่อทีมฟุตบอลทั่วโลกในข่าวกีฬาของไทย กล่าวคือ ทีมโสร่ง ทีมลอดช่อง ทีมโสมแดง-โสมขาว ทีมอิเหนา ทีมโรตี ฯลฯ นี่เฉพาะของเพื่อนบ้านในทวีปเอเชียนะ
ส่วนทีมฟุตบอลในยุโรปที่ทำเอาคุณเจมส์แทบสิ้นศรัทธาเรียนภาษาไทยเลยครับ โดยเขาหยิบหนังสือพิมพ์สยามกีฬาที่ลูกชายของผู้เขียนซื้อมาวางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาชี้ให้ดูหัวข้อข่าวซึ่งมีดังนี้
เลติเซีย รับเคยมีเซ็กซ์กับ โด้ ยกยอดชายตัวจริง
ผีพิจารณารีไทร์เสื้อเบอร์ 11 ของ กิ๊กส์
ม้าลายฟอร์มบู่ คิเอโวไล่เสมอ โรมาเฉือน 2-1
เรือใบ เสียบแทนหงส์ล่าตัว เอโต เสริมคม
ฯลฯ
ผู้เขียนก็ปลอบใจคุณเจมส์ว่าผู้เขียนเองทั้งๆ เป็นไทยก็มีปัญหาเรื่องข่าวกีฬาภาษาไทยเหมือนกัน โดยเฉพาะทีมฟุตบอลเยอรมันคือ ทีม "บาร์เยิน-มิวนิค" เนื่องจากหากอ่านตามแบบเยอรมันก็ต้องเป็น "บาร์เยิน-มึนเช่น" เพราะบาร์เยินเป็นชื่อแคว้น ส่วนมึนเช่นเป็นชื่อเมือง แต่ถ้าจะเอาแบบอังกฤษผู้ที่หากออกเสียงของภาษาอื่นไม่ถนัดก็จะเปลี่ยนชื่อเสียเลย เช่น แคว้นบาร์เยินนี้อังกฤษจะเรียกว่าแคว้นบาวาเรีย ส่วนเมืองมึนเช่นนั้นอังกฤษเรียกว่ามิวนิค ดังนั้น ถ้าเรียกแบบอังกฤษก็ควรจะเป็นทีม "บาวาเรีย-มิวนิค" สำหรับคนไทยนั้นมั่วก็เลยเรียกแบบไทยคือ "บาร์เยิน-มิวนิค" ให้ทั้งคนเยอรมันและคนอังกฤษงงทั้งคู่ก็แล้วกัน
เฮ้อ! ขนาดภาษาไทยยากๆ อย่างนี้ฝรั่งอย่างคุณเจมส์ยังเรียนแค่ 10 เดือน คำถามอยู่ที่ว่า "แล้วคนไทยที่จบมหาวิทยาลัยทั้งหลายที่เรียนภาษาอังกฤษ (ที่ง่ายกว่าภาษาไทย) กันคนละ 16 ปี ทำไมจึงพูดและฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง?"
แปลกดีนะ!
หน้า 6 http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act04220452§ionid=0130&day=2009-04-22 | |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น