วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ปอ - 178 ยกเว้นเงินได้จากการซื้ออสังหา.doc


ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๗๘)
    เรื่อง   กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้   เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคาร อาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุด
      ในอาคารชุด  เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย
------------------------------
      อาศัยอำนาจตามความในวรรคสาม  แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่  ๒๗๑ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ออกตามความในประมวลรัษฎากร  ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร  อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ  และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคาร อาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ดังต่อไปนี้
      ข้อ ๑ การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคาร อาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้
         (๑) ต้องเป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคาร อาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย และต้องมีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นให้แล้วเสร็จในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
      อสังหาริมทรัพย์ตามวรรคหนึ่งต้องไม่เคยผ่านการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือห้องชุดมาก่อน  ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
            (๒) การโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อตาม  (๑) ให้ได้รับยกเว้นภาษีเท่ากับจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยต้องจ่ายไปในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
         (๓) กรณีผู้มีเงินได้มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อหลายแห่ง ให้ได้รับยกเว้นภาษีได้ทุกแห่งรวมกันตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท
                  (๔) กรณีผู้มีเงินได้หลายคนร่วมกันซื้อ  ให้ได้รับยกเว้นภาษีได้ทุกคน  โดยเฉลี่ยการได้รับยกเว้นภาษีตามส่วนของกรรมสิทธิ์ของแต่ละคน  แต่รวมกันทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินจำนวนที่จ่ายจริงและไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท
                  (๕) กรณีสามีหรือภริยามีเงินได้ฝ่ายเดียว  ให้ยกเว้นภาษีให้แก่ผู้มีเงินได้เต็มจำนวนตามที่จ่ายจริง  แต่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท
                  (๖) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้  และความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ได้รับยกเว้นภาษี  ให้ได้รับยกเว้นภาษีดังนี้
                   (ก) ถ้าภริยาไม่ใช้สิทธิแยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากสามีตามมาตรา ๕๗ เบญจ แห่งประมวลรัษฎากร ให้ได้รับยกเว้นภาษีรวมกันตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท
                              (ข) ถ้าภริยาใช้สิทธิแยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากสามีตามมาตรา ๕๗ เบญจ แห่งประมวลรัษฎากร ให้สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีได้กึ่งหนึ่งของจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท
         (๗) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ และความเป็นสามีภริยามิได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ได้รับยกเว้นภาษี ซึ่งต้องยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากกัน ให้ได้รับยกเว้นภาษีดังนี้
                   (ก) กรณีผู้มีเงินได้ซึ่งมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาได้สมรสกัน ซึ่งความเป็นสามีภริยามิได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ให้สามีและภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างยังคงได้รับยกเว้นภาษีตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท
                              (ข) กรณีผู้มีเงินได้สมรสกัน  ต่อมามีสิทธิได้รับยกเว้นภาษี  ให้สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีได้กึ่งหนึ่งของจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท
      ข้อ ๒ การได้รับยกเว้นภาษีตามประกาศนี้  ผู้มีเงินได้ต้องมีหนังสือรับรองจากผู้ขายที่พิสูจน์ได้ว่า มีการจ่ายเป็นค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์  โดยหนังสือรับรองดังกล่าวต้องมีข้อความอย่างน้อยตามที่แนบท้ายประกาศนี้
      ข้อ ๓ ผู้มีเงินได้ต้องมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสามปี นับแต่วันที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว แต่ไม่รวมถึงกรณีผู้มีเงินได้ถึงแก่ความตาย
      ข้อ ๔ กรณีผู้มีเงินได้ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีตามข้อ  ๑ และข้อ ๒ แล้ว และต่อมาได้ปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในข้อ ๓ ผู้มีเงินได้ไม่มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษี ผู้มีเงินได้ต้องนำเงินได้ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีไปแล้ว ไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และกรณีที่ผู้มีเงินได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มเติมเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มเติมของปีภาษี
      ข้อ ๕ การได้รับยกเว้นภาษีตามประกาศนี้  ให้ผู้มีเงินได้นำเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีไปคำนวณหักจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา  ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อได้หักตามมาตรา  ๔๒ ทวิ ถึงมาตรา ๔๖ แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว
      ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นต้นไป 
      ประกาศ  ณ วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ 
วินัย วิทวัสการเวช
(นายวินัย  วิทวัสการเวช)
อธิบดีกรมสรรพากร


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thanks for visiting! 
news9
http://pnac-th.blogspot.com/  pnac-th
http://nature1951.blogspot.com/ nature1951
http://econnews9.blogspot.com/ econ
http://seminars9.blogspot.com/ ilaw
http://politic9.blogspot.com/ pdc9
http://jaecafe.com/feed
http://elibrary.nfe.go.th/index2.php
http://www.kmutt.ac.th/rippc/info.htm

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"กบก๋องก๋อย" ผงไม้ขี้เลื่อยแต่งบ้านอารมณ์ดีสไตล์พื้นเมือง

“กบก๋องก๋อย” ผงไม้ขี้เลื่อยแต่งบ้านอารมณ์ดีสไตล์พื้นเมือง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 สิงหาคม 2552 09:51 น.
กบก๋องก๋อย ในท่าทางต่างๆ
       กบไม้ขี้เลื่อยอารมณ์ดี ผลิตภัณฑ์ของแต่งบ้าน ที่สามารถเรียกรอยยิ้มให้กับผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี เพราะด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น จากการกำหนดท่าทางต่างๆ และจับเจ้ากบไม้ขี้เลื่อยมาแต่งตัวในชุดพื้นเมืองชาวเขาภาคเหนือ ประกอบกับฝีมือการปั้นที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้ผลงานกบไม้ขี้เลื่อย ของ “นางสาวธมนันท์ ไชยยา” ได้รับความสนใจและเรียกเงินในกระเป๋าผู้ที่ผ่านไปมาได้ไม่ยาก
       

       นางสาวธมนันท์ เล่าว่า ที่มาของกบไม้ขี้เลื่อย เกิดขึ้นมาจากเดิมครอบครัวรวมถึงญาติๆทำผลิตภัณฑ์ไม้มะม่วง อาทิ แจกัน ภาชนะต่างๆ ฯ ออกขาย แต่ประสบปัญหาการแข่งขันที่สูง เพราะพื้นที่ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิด มีการทำผลิตภัณฑ์ไม้มะม่วง ออกมาขายกันเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เอง ตนเองจึงต้องคิดหาวิธีทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่ซ้ำกับใครออกมาจำหน่าย เพื่อลดการแข่งขัน และตัดราคากันเอง เหมือนกับผลิตภัณฑ์จากไม้มะม่วง

นางสาวธมนันท์ ไชยยา เจ้าของผลงาน
       ทั้งนี้ ยังคงเลือกทำผลิตภัณฑ์จากไม้ เพราะมีวัตถุดิบในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเศษไม้เหลือทิ้ง ที่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่าง ตอไม้ รากไม้ และผงไม้ขี้เลื่อยที่เหลือจากการโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ ซึ่งไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์อะไร จึงได้ลองมาทำตุ๊กตาไม้ขี้เลื่อย และที่เลือกทำรูปกบ เขียด เพราะทุกคนมักจะมองว่า รูปร่าง หน้าตาของกบ และเขียดตามธรรมชาติ ดูน่าเกลียด ก็เลยเกิดความคิดว่าอยากจะทำ กบ เขียด ที่หลายคนมองดูน่าเกลียด มาแต่งตัวใหม่ให้ออกมาน่ารัก จึงได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ผงไม้ขี้เลื่อย ที่มีชื่อว่า “กบก๋องก๋อย”
       
       'กบก๋องก๋อย' เป็นการนำผงไม้ขี้เลื่อย ที่เหลือทิ้งจากการทำงานไม้ มาปั้นขึ้นรูป โดยเน้นรูปแบบที่ให้ความรู้สึกสนุกสนาน จากรูปร่างหน้าตาและท่าทางที่ดูตลก แต่แฝงความคิดสร้างสรรค์งานศิลปะเข้าไป เพราะเป็นสิ่งที่ เจ้าของผลงานต้องการจะให้เป็น เนื่องจากโดยส่วนตัวเป็นคนชอบทำงานศิลปะ ส่วนเครื่องแต่งกาย เน้นผ้าพื้นเมืองชาวเขา และบางตัวมีการใส่ปลอกคอทองเหลืองให้เหมือนกับชาวเขา คอยาว ซึ่งเหตุผลนำเครื่องแต่งกายพื้นเมืองมาใส่ให้กับ เจ้ากบก๋องก๋อย เพราะต้องการสื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์พื้นเมืองของภาคเหนือ และนักท่องเที่ยวสามารถซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึกได้

แกะสลักพระพุทธรูปจากตอไม้
       “รูปแบบ และท่าทางต่างๆ ไม่ใช่ท่าทางของกบ หรือ เขียดจริง แต่เป็นรูปแบบที่จินตนาการขึ้นมาเอง บางตัวออกแบบให้มันเข้ากับยุคสมัย อย่างเช่น มีการใส่เหล็กดัดฟัน บางตัวเป็นคู่รัก มีการแสดงท่าทางความรักในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้พบเห็นรู้สึกสนุกสนาน นอกจากตุ๊กตาคู่รัก ผู้หญิง ผู้ชาย ตุ๊กตาตัวเดียว และตุ๊กตาครอบครัว ส่วนเครื่องแต่งกาย ใช้ผ้าพื้นเมืองของชาวเขาจริง แต่บางตัวใช้งานเพ้นท์เข้ามาช่วย เพื่อให้ชิ้นงานมีความหลากหลาย ซึ่งผลงานการเพ้นท์ เป็นฝีมือของตนเองทั้งหมด ทุกอย่างฝึกฝนขึ้นมาจากความชอบล้วน ไม่ได้ไปเรียนหรือ ศึกษามาจากสถาบันการศึกษาแต่อย่างใด อาศัยใจรัก และฝึกฝนบ่อยๆ ก็สามารถทำออกมาได้เอง”
       


กบคู่รัก เรียกรอยยิ้มได้เสมอ
       ในส่วนของความแข็งแรงทนทานนั้น ได้ออกแบบเป็นพิเศษ ด้วยการใส่โครงเหล็กข้างใน เพื่อให้ตุ๊กตาแข็งแรง ป้องกันการแตกหัก และยังได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) เพื่อการันตีถึงความแข็งแรงทนทานด้วย โดยกลุ่มลูกค้า เป็นนักท่องเที่ยว ซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึก และใช้ตกแต่งบ้านและสวน ลูกค้ามีทุกช่วงอายุ แต่ส่วนใหญ่จะอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป วัยทำงาน เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และชื่นชอบการตกแต่งบ้าน

หลากหลายรูปแบบตามจินตนาการ
       ส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย วางขายในตลาดอนุสาร (ศูนย์การค้าเชียงใหม่ไนท์บาซาร์) โดยในช่วงหลังผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ยอดขายหายไปกว่า 70% ทำให้ต้องหาตลาดใหม่ ๆ เช่น การมาร่วมออกงานแสดงสินค้าในกรุงเทพฯ โดยได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานราชการให้การช่วยเหลือ มาร่วมออกงานแสดงสินค้า ที่จัดในกรุงเทพ ฯ ทำให้ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น และได้ออร์เดอร์ สั่งซื้อจากพ่อคนกลาง มารับไปจำหน่าย
       
       สำหรับราคา เริ่มต้นที่ 150 บาท กบหนึ่งตัว และถ้าสองตัวขึ้นไปราคาชิ้นละ 250 บาท ตั้งราคาโดยดูจากค่าแรงเป็นหลัก เพราะงานแต่ละชิ้นต้องใช้เวลา และใช้ฝีมือในการทำ ส่วนตัววัตถุดิบเนื่องจากมีอยู่ในท้องถิ่น ส่วนผงไม้ขี้เลื่อยจะรับมาจากโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ ส่วนรากไม้เป็นเศษไม้มะม่วงที่เหลือทิ้ง จากการนำไม้มาทำแจกัน

กบเหมือนของจริงก็มีด้วย
       "ข้อดีของการทำตุ๊กตาผงไม้ขี้เลื่อย นอกจากไม่ต้องลงทุนสูง และยังขายได้ง่าย ราคาไม่แพง และปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่ง โดยทำมานานกว่า 2 ปี รายได้ดีกว่าการทำไม้มะม่วง เพราะขายได้เยอะกว่า และกำไรดีกว่า และนอกจากตุ๊กตาผงไม้ขี้เลื่อย มีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทำจากไม้ เช่น งานแกะสลักพระพุทธรูป และรับสั่งทำผลิตภัณฑ์จากไม้ทุกชนิด ฯลฯ”
       
       โทร. 08-7172-2593
http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9520000088330

--
      Weblink
http://ilaw.or.th
www.patani-conference.net
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://www.bedo.or.th/default.aspx
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://seminarmon.blogspot.com
http://seminartue.blogspot.com
http://seminarwed.blogspot.com
http://seminarthu.blogspot.com
http://seminarfri.blogspot.com
http://seminar1951.blogspot.com
http://seminardd.com

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ทำเองไม่ยาก "เจลล้างมือ" สู้หวัด 2009 สูตรพื้นฐานจาก วว.

ทำเองไม่ยาก "เจลล้างมือ" สู้หวัด 2009 สูตรพื้นฐานจาก วว.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์30 กรกฎาคม 2552 00:26 น.

นายอรรคชัย ตันตราวงศ์ นักวิชาการ ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว. เป็นวิทยากรสาธิตการทำเจลแอลกอฮอล์ล้างมือฆ่าเชื้อโรค

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ผู้สนใจเข้าร่วมการอบรมทำเจลล้างมือเป็นจำนวนมาก

ส่วนผสมที่ใช้ในการทำเจลล้างมือ

เอทิล แอลกอฮอล์ 95%

โพรไพลีน ไกลคอล (ซ้าย) และ ไตรเอทาโนลามีน (ขวา)

คาร์โบพอล 940

เจอร์มาเบน สารป้องกันการเกิดเชื้อรา

น้ำหอมและสีผสมอาหารสำหรับแต่งสีและกลิ่นให้เจลล้างมือ

นักวิชาการ วว. ขณะกำลังสาธิตการทำเจลล้างมือแบบไม่ใช้น้ำ

ส่วนผสมของเจลล้างมือหลังเติมคาร์โบพอล 940 ก่อน (ซ้าย) และหลัง (ขวา) พักทิ้งไว้ 1 คืน

เมื่อเสร็จขั้นตอนจะได้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือพร้อมใช้งานทันที

เจลแอลกอฮอล์ล้างมือบรรจุหลอดขนาดเล็ก พกพาสะดวก ใช้ล้างมือให้สะอาดปราศจากเชื้อโรคได้ทุกที่ทุกเวลา

วว. เปิดคอร์สสอนทำเจลล้างมือสูตรมาตรฐานฐาน ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับทุกครอบครัวทำไว้ใช้เอง หรือแจกจ่ายคนรอบข้าง หรืออาจจำหน่ายสร้างรายได้เสริมในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง แต่จำเป็นต้องรักษาสุขอนามัยป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จัดอบรม "สาธิตการทำเจลล้างมือไม่ใช้น้ำ" ให้แก่ประชาชนทั่วไปที่สนใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ระหว่างวันที่ 29-31 ก.ค. 52 ซึ่งทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การอบรม เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ วว. บางเขน ซึ่งมีผู้สนใจลงเบียนเข้าร่วมอบรมเป็นจำนวนมาก นายอรรคชัย ตันตราวงศ์ นักวิชาการ ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ รับหน้าที่เป็นวิทยากรสาธิตการทำเจลล้างมือสูตรมาตรฐานทั่วไป ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมอยู่ 70% มีประสิทธิภาพกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ได้ดี และช่วยให้มืออ่อนนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง ส่วนประกอบสำหรับเจลแอลกอฮอล์ 500 มิลลิลิตร มีดังนี้ 1. คาร์โบพอล 940 (Carbopol 940) 1.5 กรัม 2. เอทิล แอลกอฮอล์ 95% (Ethyl alcohol 95%) 370 มิลลิลิตร 3. ไตรเอทาโนลามีน (Triethanolamine) 1.5 กรัม 4. น้ำอาร์โอ (Reverse osmosis: RO) หรือน้ำดื่มบรรจุขวดทั่วไปที่ระบุว่าผ่านการ Reverse osmosis 128 มิลลิลิตร 5. เจอร์มาเบน (Germaben) 5 มิลลิลิตร 6. โพรไพลีน ไกลคอล (Propylene glycol) 5 มิลลิลิตร 7. สีผสมอาหาร, น้ำหอม หรือน้ำมันหอมระเหย วิธีการเตรียม 1. ตวงเอทิล แอลกอฮอล์ 95% ผสมกับน้ำอาร์โอ (ทำในภาชนะแก้ว, แสตนเลส หรือกระเบื้องเคลือบ) 2. เติมโพรไพลีน ไกลคอล (สารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว) และเจอร์มาเบน (สารป้องกันการเกิดเชื้อรา) ตามลงไป แล้วคนให้เข้ากัน 3. ค่อยๆ โปรยคาร์โบพอล 940 (สารประกอบให้เกิดเจล) ลงไป และกวนให้กระจายตัวในส่วนผสม (อาจใช้แท่งแก้วหรือเครื่องกวนขนม) จากนั้นพักทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้คาร์โบพอลเกิดการพองตัว 4. นำส่วนผสมที่พักทิ้งไว้ 1 คืน มากวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน 5. เติมสีและกลิ่นตามความพึงพอใจอย่างละประมาณไม่เกิน 5 มิลลิลิตร 6. ใส่ไตรเอทาโนลามีน (สารประกอบให้เกิดเจล) ลงไปและกวนให้เข้ากัน จะได้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่สามารถนำไปใช้ได้ทันที หรือบรรจุในภาชนะปิดสนิทเพื่อป้องกันการระเหยของแอลกอฮอล์ (เช่น หลอดพลาสติก) สามารถเก็บไว้ใช้ได้นานกว่า 2 ปี ข้อควรระวัง! 1. ห้ามใช้ "เมทิล แอลกอฮอล์" (Methyl alcohol) โดยเด็ดขาด เพราะอาจซึมเข้าสู่ผิวหนังและทำให้ตาบอดหรือมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แต่สามารถใช้ ไอโซโพรพิล แอลกอฮอล์ (Isopropyl alcohol) แทนได้ แต่จะมีกลิ่นเหม็นฉุนมากกว่า 2. แอลกอฮอล์เป็นสารติดไฟง่าย ควรเก็บไว้ให้ห่างจากเปลวไฟและในที่ที่มีอุณหภูมิสูง 3. ขั้นตอนการเตรียมควรทำในภาชนะแก้ว, แสตนเลส หรือกระเบื้องเคลือบ แต่ห้ามใช้ภาชนะพลาสติก เพราะอาจทำสีหรือสารเคมีอันตรายจากพลาสติกหลุดออกมาปะปนรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ สารเคมีที่ใช้เป็นส่วนผสมในเจลล้างมือสามารถซื้อได้ตามร้านขายเคมีภัณฑ์ทั่วไป โดยเลือกใช้สารเคมีเกรดสำหรับเครื่องสำอาง ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในการเตรียม สามารถประยุกต์ใช้อุปกรณ์ในครัวเรือนได้ หรือหาซื้อได้จากร้านขายอุปกรณ์การทดลองทางวิทยาศาสตร์ เช่น ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ รู้วิธีการทำเจลล้างมือที่ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากแบบนี้แล้ว ถ้าใครมีเวลาว่างก็สามารถทำไว้ใช้เองในครัวเรือนได้ ยิ่งเพิ่มความมั่นใจ ห่างไกลไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือจะทำแจกจ่ายคนรอบข้างด้วยก็ได้ ยิ่งช่วยสร้างสุขอนามัยที่ดีในสังคม (ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว. โทรศัพท์ 0-2577-9000, โทรสาร 0-2577-9009 หรือ E-mail: tistr@tistr.or.th)









--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net/
http://www.familynetwork.or.th/
http://www.tzuchithailand.org/
http://www.presscouncil.or.th/
http://ilaw.or.th/
http://thainetizen.org/
http://www.ictforall.org/
http://icann-ncuc.ning.com/
http://dbd-52.hi5.com/
http://www.webmaster.or.th/
http://www.thailandshowtime.com/2009

เปลเชือกถัก ย้อนยุคสองมือแม่ กลับมาสร้างรายได้อีกครั้ง

เปลเชือกถัก ย้อนยุคสองมือแม่ กลับมาสร้างรายได้อีกครั้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 กรกฎาคม 2552 09:59 น.
เปลนอนเด็กทำจากเชือกถัก สินค้าภูมิปัญญา
       ถักเชือกเป็นงานฝีมือที่อยู่คู่กับผู้หญิงไทยมานาน ในอดีตเปลนอนสำหรับเด็ก ทำขึ้นมาจากฝีมือการถักเชือกของ คุณแม่ทั้งหลาย เตรียมถักเปลกันตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ไม่ต้องไปหาซื้อจากที่ไหน และด้วยยุคสมัย ที่เปลี่ยนคุณแม่ยุคใหม่ ต้องทำงานนอกบ้านไม่มีเวลา ทำให้เปลเชือกถักที่เคยใช้ในอดีตไม่มีให้เห็นกันในปัจจุบัน
       

       และเมื่อมีการนำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง จนได้รับความสนใจซื้อหากันไปใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เพราะด้วยคุณสมบัติที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ช่วยให้เด็กได้นอนหลับอย่างสบายแล้ว ยังมีความสวยงามอีกด้วย จึงเกิดเป็นอีกหนึ่งอาชีพของกลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่น “เปลชุมแสง” ของ “สมศรี ไม้ทองดี” และ “สมหวัง ไม้ทองดี"
       


นางสมศรี ไม้ทองดี เจ้าของผลงาน
       นางสมศรี เล่าว่า เริ่มทำเปลเชือกถักมาตั้งแต่ปี 2546 จุดเริ่มต้นมาจากเราทำเปลใช้เองภายในครอบครัวกันมานานแล้ว แต่เมื่อมีคนมาพบเปลของเรา ก็เกิดความชื่นชอบ เพราะเป็นเปลที่เขาเคยใช้ในอดีต และปัจจุบันหาซื้อได้ยากมาก จึงได้มาว่าจ้างให้ตนเองทำให้ และครอบครัวของเราก็ทำขายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
       
       เนื่องจากเป็นงานฝีมือ การทำแต่ละชิ้นต้องใช้เวลานาน เมื่อมียอดการสั่งซื้อเข้ามามาก การทำงานกันภายในครอบครัว ไม่สามารถทำได้ทัน จึงได้ไปว่าจ้างให้กับกลุ่มแม่บ้านภายในชุมชนตำบลชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ และ ก่อตั้งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นเปลชุมแสง สร้างอาชีพเสริมให้กับแม่บ้านภายในชุมชนหลายสิบครอบครัว โดยแต่ละครอบครัวมีรายได้ เดือนละ2,000 บาท ถึง 3,000 บาท แล้วแต่ยอดการสั่งซื้อ

หิ้งพระ หรือ ที่สำหรับวางของ
       สำหรับผลิตภัณฑ์เปลชุมแสง ไม่ได้มีเพียงแค่เปลนอนสำหรับเด็ก แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้เทคนิคการถักเชือก เช่น เปลญวน ชิงช้า ฉากกั้นห้อง ม้านั่ง หิ้งพระ โมเดลเปลย่อส่วนที่เหมือนของจริง เพื่อเป็นของที่ระลึก นำไปมอบให้กันในวันสำคัญ หรือ ซื้อไปตั้งโชว์รำลึกถึงอดีต
       
       โดยสินค้าทุกชิ้นเน้นเรื่องของความคงทนและความสวยงาม จึงใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต และเกือบ 100% เป็นการทำมือในทุกขั้นตอนการผลิต มีเครื่องมือมาช่วยเพียงเล็กๆ น้อย ๆ และเลือกใช้วัสดุคุณภาพดี เช่น ไม้ที่ใช้มาประกอบ จะใช้ไม้สักกับงานทุกชิ้น และ เชือกที่นำมาใช้ถักเป็นเชือกเป็นเชือกคูล่อน ซึ่งทำจากเส้นใยฝ้ายผสมเส้นใยโพลีเอสเตอร์ ต่างจากในอดีตที่จะใช้เส้นใยฝ้าย 100% เพราะไม่มีเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งการเลือกใช้เส้นใยผสมโพลีเอสเตอร์ มีข้อดี คือ ดูแลรักษาง่าย และเชือกมีความเหนียว ช่วยในเรื่องของความคงทนแข็งแรง ทำให้ใช้งานได้นานขึ้น

ฉากกั้นห้อง ขอบทำจากไม้สัก
       สำหรับราคาผลิตภัณฑ์ของเปลชุมแสง เริ่มต้นที่ 900 บาท สำหรับโมเดลงานชิ้นเล็กๆ ส่วนงานชิ้นใหญ่ เริ่มต้นที่ 1,500 บาท ไปจนถึง 14,000 บาท และเปลเด็ก ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000 บาทไปจนถึง 7,000 บาท ราคาค่อนข้างสูง เพราะเป็นงานฝีมือ ค่าแรงจะแพง เพราะต้องใช้เวลาในการทำ
       
       ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวมีการปรับลงมาเล็กน้อย ในช่วงนี้ เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ดี เริ่มทำตลาดยากขึ้น ลูกค้าลดน้อยลง ทำให้จำเป็นต้องปรับราคาลงมาเพื่อจูงใจลูกค้า โดยเริ่มปรับราคาลงมาตั้งแต่ปี 2551 เพราะยอดการสั่งซื้อที่หายไปกว่าครึ่ง ซึ่งจากเดิมในปี 2548 ถึงปี 2549 มียอดการสั่งซื้อเดือนละ 100,000 กว่าบาท ปัจจุบันมีการสั่งซื้อเข้ามาเฉลียเพียงเดือนละ 60,000 บาทถึง 70,000 บาท
       

       ช่องทางการจัดจำหน่าย เริ่มจากการออกงานแสดงสินค้า เพราะเราเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานราชการ ให้ได้ร่วมออกบูธในงานแสดงสินค้า ทำให้เป็นที่รู้จักของลูกค้ามีการสั่งสินค้าเข้ามา บางรายก็รับไปจำหน่าย และลูกค้าบางส่วนมาจากการบอกกันแบบปากต่อปาก ซึ่งหน้าร้านนั้นอาศัยบ้านเป็นที่โชว์สินค้า เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

เปลนอน และเก้าอี้ รูปแบบโมเดลเป็นของที่ระลึก
       “ส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจมาทำงานถักเปลขาย เพราะครอบครัวทำใช้กันเองมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ตายาย และได้รับการถ่ายทอดการทำเปลถักมาทุกรุ่น จนถึงรุ่นปัจจุบัน ก็ยังคงทำใช้กันอยู่ ลวดลายเปลถักของเรามีการปรับเปลี่ยนไปบ้างจากในอดีต เพื่อให้เกิดความสวยงาม แต่ก็ยังคงลวดลายไทย เพราะเราต้องการคงความเป็นสินค้าภูมิปัญญาไทย และปัจจุบันสินค้าของเราไม่ได้มีลูกค้าเฉพาะคนไทย ชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจซื้อไปใช้เช่นกัน รูปแบบที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ จะเป็นชิงช้า และเปลญวน ซึ่งนอกจากชาวต่างชาติ มีกลุ่มลูกค้ารีสอร์ต และโรงแรม ซื้อไปตกแต่ง และให้บริการลูกค้า โดยเฉพาะรีสอร์ตที่อยู่ติดชายทะเล”
       

       ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ผลิตภัณฑ์เชือกถัก ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เปลชุมแสง ได้รับความนิยมส่วนหนึ่งมาจากรูปแบบและคุณภาพที่ดี เพราะเกิดจากความใส่ใจในการทำงานทุกชิ้น และรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ไม่มีคู่แข่งในตลาด และประกอบกับรูปแบบไปตรงกับเทรนด์การแต่งบ้านในยุคปัจจุบัน
       
       โทร. 08-1039-1022
http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9520000086283

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net
http://www.familynetwork.or.th
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://ilaw.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://icann-ncuc.ning.com
http://dbd-52.hi5.com
http://www.webmaster.or.th
http://www.thailandshowtime.com/2009

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไอซีทีไฟเขียวใบอนุญาต e-Payment 67 ราย

ไอซีทีไฟเขียวใบอนุญาต e-Payment 67 ราย

Pic_22539

เป็นผู้ให้บริการทางการเงิน 33 ราย ขอขึ้นทะเบียน 8 ราย ระนองรักษ์ลั่น 3G พร้อมใช้ทัน 5 ธ.ค.52 เผยนายกฯ แนะทีโอทีทำทีโออาร์ภาษาอังกฤษ รองรับต่างชาติ...

ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในฐานะประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า ปัจจุบัน มีธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ e-Payment 8 ประเภท อยู่ภายใต้การควบคุมของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2551 ได้แก่ การให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) บริการเครือข่ายบัตรเคดิต บริการเครือข่ายอีดีซี บริการสวิตช์ชิ่งในการชำระเงิน บริการหักบัญชี บริการชำระดุล การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือผ่านเครือข่าย และบริการชำระเงินแทน

รมว.ไอซีที กล่าวต่อว่า พระราชกฤษฎีกาฯ กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ควบคุมดูแลธุรกิจ e-Payment และผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจฯ ตามประเภทธุรกิจท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ บัญชี ก บัญชี ข และบัญชี ค จะต้องดำเนินการแจ้งให้ทราบ ขอขึ้นทะเบียน หรือขอรับใบอนุญาต ส่วนผู้ให้บริการดังกล่าวก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาฯ มีผลบังคับใช้ (14 ม.ค. 52) และประสงค์จะให้บริการต่อไป ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมานั้น ทางคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้รับแจ้งว่า มีผู้ให้บริการที่เข้าข่ายการควบคุมดูแลยื่นแบบแจ้งให้ทราบ ขอขึ้นทะเบียน และขอรับใบอนุญาต รวมทั้งสิ้น 67 ราย แบ่งเป็น ขอขึ้นทะเบียน 8 ราย และขอรับใบอนุญาต 70 ราย โดยมีผู้ให้บริการบางรายประกอบธุรกิจมากกว่า 1 ประเภท

ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ กล่าวอีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เสนอข้อมูลและสรุปผลการพิจารณาต่อคณะกรรมการธุรกรรมฯ เพื่อพิจารณาออกใบอนุญาตการประกอบธุรกิจแก่ผู้ให้บริการทั้ง 67 ราย ด้วยเกณฑ์ในการพิจารณา ได้แก่ ลักษณะและรูปแบบการให้บริการ คุณสมบัติของนิติบุคคลที่ยื่นขอรับใบอนุญาต รายละเอียดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ และเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติมตามประเภทธุรกิจ โดยคณะกรรมการธุรกรรมฯ ได้พิจารณาและออกใบอนุญาตให้ทั้งสิ้น จำนวน 102 ฉบับ แบ่งเป็นผู้ให้บริการที่เป็นสถาบันการเงิน 33 ราย จำนวนใบอนุญาต 60 ฉบับ และผู้ให้บริการที่ไม่ได้เป็นสถาบันการเงิน 34 ราย จำนวนใบอนุญาต 42 ฉบับ

รมว.ไอซีที กล่าวด้วยว่า ได้เข้าพบและปรึกษากับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีการเปิดให้บริการเครือข่ายเทคโนโลยีระบบ 3G ของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยนายกรัฐมนตรีให้คำแนะนำว่า ทีโอทีควรทำร่างการประมูล 3G (ทีโออาร์) เป็นภาษาอังกฤษเพื่อเปิดกว้างให้ต่างชาติที่สนใจร่วมประมูลและลงทุน ผ่านเว็บไซต์ของทีโอที ส่วนการกู้เงินภายในประเทศ จากการทำสัญญาระหว่างประเทศ หรืออี-ออคชั่นภายในประเทศ จากเดิมที่ตั้งวงเงินไว้ 2.9 หมื่นล้านบาทนั้น คาดว่า ทีโอทีจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทต้นๆ เนื่องจาก ค่าวัสดุอุปกรณ์มีราคาต่ำลง ส่วนการเปิดให้บริการนั้น เชื่อว่า ทีโอทีจะสามารถเปิดให้บริการเครือข่าย 3G ได้ทันวันที่ 5 ธันวาคม 2552 อย่างแน่นอน โดยในเบื้องต้น จะเปิดให้ทดลองใช้ภายในเดือนพฤศจิกายน

http://www.thairath.co.th/content/tech/22539
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net
http://ilaw.or.th
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.projectlib.in.th
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.nstda.or.th/th
http://www.arda.or.th
http://www.nppdo.go.th
http://www.tlcthai.com
http://dbd-52.hi5.com
http://www.oknation.net/blog/assistance
http://weblogcamp2009.blogspot.com/

ผู้ติดตาม

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/