วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552

ระวังห้องน้ำปั๊ม!!& sim ของมือถือโดนลักลอบใช้ได้แล้ว !!

This e-mail and any attachment may contain
confidential or legally privileged information
for use of Osotspa Co., Ltd. only. If you are
not the intended recipient, you are not authorized
to copy or disclose all or any part of it without the prior written consent of the company.


--- On Mon, 4/27/09, churdchoo ariyasriwatana <churdchoo@gmail.com> wrote:

 


 
 



 
 

 
 


 
  ระวังห้องน้ำปั๊ม!!

ระวังห้องน้ำในปั้มและรถที่ขับตามมา
ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใย โปรด Fw:
ต่อให้กับคนที่ท่านรักและห่วงใยต่อไป
สัตว์โลกทั้งหลายพึงตั้งอยู่บนความไม่ประมาท
ความตายอยู่รอบตัว
เขาเคยคิดว่าภาพข่าวอาชญากรรมที่มีให้เห็นบนน.ส.พทุกวันเป็นเรื่องไกลตัว
จนกระทั่งกลางดึกคืนหนึ่ง
ในห้องน้ำของปั๊มน้ำมันที่เปิดไฟฟ้าสว่างไสว
วิชชุ เศรษฐกนก
ศิลปินฝึกหัดของบริษัท
Aratist
ในเครือแกรมมี่กรุ๊ป
จึงตระหนักว่า
ไม่ว่าใครก็มีโอกาสตกเป็นเหยื่อของอาชญากรได้พอๆกัน
วันที่เกิดเหตุผมไปคุยเรื่องงานดนตรีกับพวกเพื่อน ๆ และพี่ ๆ
ที่พรีเมียร์พระราม 9 คุยเสร็จเกือบตีสาม
ปกติก็ไม่ได้กลับดึกขนาดนั้น
แต่วันนั้นคุยกันค่อนข้างซีเรียสเลยใช้เวลานาน
คุยเสร็จต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน
ผมขับรถเกือบจะถึงบ้านแล้ว
ผ่านปั๊มแห่งหนึ่งก็เลยแวะเข้าไป จริง ๆ
แล้วไม่ถึงกับอยากเข้าห้องน้ำขนาดทนไม่ได้
แต่อยากซื้อขนมกับ ไอศกรีมไปกินที่บ้านมากกว่า
ตอนนั้นไม่มีรถคันอื่นเข้ามาเติมน้ำมันเลย
ผมขับไปจอดหน้ามินิมาร์ทเข้าไปซื้อของเสร็จ
คิดว่าเข้าห้องน้ำล้างหน้าหน่อยดีกว่า
ก่อนจะเข้าห้องน้ำ ก็เดินไปล็อครถก่อน
ห้องน้ำของปั๊มอยู่ข้างหลังมินิมาร์ท
ไม่มีใครในห้องน้ำเลย
แต่ไฟสว่างมากเพราะเป็นไฟนีออน
กำลังจะรูดซิปกางเกงก็ได้ยินเสียงตึง...
เป็นเสียงคนเดินเข้ามา
พอเอี้ยวตัวไปมองก็เห็นปืนจ่ออยู่ตรงหน้า
ความรู้สึกแรกคือไม่อยากเชื่อว่าถูกปล้น
แต่พอได้สติก็รู้ว่านี่ของจริง...
จังหวะนั้นมันเร็วมาก
พอผมเอี้ยวตัวไป
เห็นคนเดินตามหลังมาอีกสองคน
คนถือปืนก็ขึ้นลำ ปืน
แล้วพูดด้วยเสียงดุ ๆ
ว่า... ถ้ามึงไม่อยากตายหันหลังไป พอผมหันกลับ
เขาก็ผลักผมกระเด็นไปติดกำแพงห้องน้ำ
แล้วเอาด้ามปืนตบที่ท้ายทอยซ้อนกันหลายครั้ง
ผมบอกเขาว่า.พี่อยากได้อะไร..เอาไปเลยหวังว่าเขาคงจะไม่ทำอะไรร้าย
แรง
แต่ปรากฎว่าเขาไม่สน
ทุบเอาอีก...
แล้วอีกคนก็เข้ามาจับมือผมไปไพล่หลัง
ได้ยินเสียงแกะเทปกาวดังแควกก่อนจะเอาเทปนั้นมัดมือผมไว้พอมัดเสร็จ
ก็จับตัวผมหันมา
จากนั้นก็ต่อยที่ท้องผมอย่างแรง
หมัดเดียวแต่จุกมาก
จนผมทรุดลงไปนอนตัวงออยู่กับพื้น
ต่อจากนั้นเขาก็จับขาผมรวบให้นั่งบนพื้น
แล้วทำท่า เหมือนจะเอาเทปมามัดที่เท้า
แต่เปลี่ยนใจเป็นมาพันที่หน้าก่อน
เริ่มจากปิดตา ปิดปาก
ตอนปิดปากเขาปิดจมูก
ไปด้วย
ผมพยายามร้องว่าหายใจไม่ออก
แต่เสียงมันดังออกมาแค่อือๆ
เท่านั้น
โชคดีว่าพันไม่แน่นมากยังมีช่องเหลือให้หายใจได้
หลังจากนั้นมันก็เอาเทปมามัดเท้าต่อ
ก่อนค้นตัวเอากุญแจรถไป
แล้วทุกอย่างก็เงียบ
ตอนแรกผมคิดว่าพวกเขาคงทิ้งผมไว้
เอาแต่รถไปอย่างเดียวรออีกเดี๋ยวค่อย ๆ
กลิ้งออกไปหาคนช่วยก็ได้
แต่ยังไม่ทันจะโล่งใจเลย
ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกยกลอยขึ้น
ตอนนั้นตกใจสุดขีดเลย
ตกใจกว่าตอนเห็นปืนอีก
เพราะคิดว่าคราวนี้คงต้องถูกเอาไปยิงทิ้งแน่
ผมดิ้นสุดชีวิตเลยโดนอัดหรือเตะไม่รู้แน่เข้า
หลังจากนั้นมันไม่เชิงว่ามีสติตลอด
มันกึ่งรู้สึกตัวกับไม่รู้สึกตัว
เนื่องจากถูกมัดตาเอาไว้
ทำให้ไม่รู้ว่าเค้าอุ้มไปไหน
รู้สึกว่าหลังแตะอะไรสักอย่าง
คิดว่าน่าจะเป็นรถเพราะพอวางเสร็จรถก็ออกตัวตอนนั้นนึกถึงพ่อแม่.
ท่านจะอยู่อย่างไร
เพราะผมเป็นลูกคนเดียว
แล้วก็นึกถึงพระปลงว่าท่าจะไม่รอดรถวิ่งไปได้ซักพักก็หยุด
รู้สึกตัวว่าถูกยกลอยขึ้น
ก่อนจะถูกโยนโครมลงไปที่หญ้าคาดว่าคงเป็นข้างทางที่ไหนซักแห่ง
กลั้นใจว่าจะโดนอะไรอีกไหม
รู้สึกว่าจะถูกเตะเข้าที่กลางลำตัวอีกสองครั้ง
จากนั้นก็ได้ยินเสียงรถขับออกไป...
เขาคอยจนแน่ใจว่าพวกนั้นไปแล้ว
แล้วก็พยายามแกะเทปแล้วตะกายไปขอความช่วยเหลือ
มีคนขับรถผ่านมา ช่วยเขาพาไปส่ง
ร.พ. ไปนอนไอ.ซี.ยู 1 คืน
เค้าบอกว่าพ่อแม่เคยเตือนแล้วว่าการขับรถกลับบ้านดึก
ให้ระวังคนขับรถมาชนอาจเป็นโจร.............
คนๆนี้โชคดีกว่าหลายคนที่เค้ายังกลับไปหาพ่อแม่ของเค้าได้...โลกนี้มันมีีทั้ง
เรื่องที่ดีงาม แล้วก็เรื่องที่ไม่ดี
มันเป็นโลกแห่งความจริง
ขอให้ระวังตัวอย่าชะล่า
หลาย ๆ คนคิดว่า.... ไม่เป็นไรแค่นี้เอง แต่แค่นี้เองนั้น
มันเท่ากับเราได้เอาตัวของเราทั้งชีวิตเข้าไปเสี่ยงซะแล้วถึงแม้จะไม่ห่วงตัว
ก็ขอให้คิดถึงคนที่บ้านคนที่เป็นห่วงเราด้วยละกัน..
ป.ล. ถ้าเป็น ญ.
ก็อาจจะเสีย
ทั้งกายทั้งใจ
ส่งต่อให้คนดีๆด้วย
ระวัง ถ้าคุณได้รับสัญญาณโทรศัพท์บนมือถือของคุณว่า
ช่างเทคนิค Cellnet หรือ Vodafone บอกคุณว่า
พวกเขากำลังทำการตรวจเช็คโทรศัพท์ของคุณ
และบอกให้คุณต้องกด # 90 หรือ 90 #
ตอนนี้มีบริษัทหลอกลวงฉ้อฉล วางอุบายนี้ขึ้นมา
ถ้าคุณได้รับสัญญาณโทรศัพท์ดังกล่าว คุณต้องวางสายโทรศัพท์ทันที
ถ้าคุณกด # 90 หรือ 90 # ล่ะก็ พวกเขาจะสามารถเข้าไปใน sim card ของคุณได้
และสามารถทำการใช้โทร.ออกจาก sim card นั้น
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น จะเป็นของคุณ
กรุณาบอกคนอื่นๆด้วย
--
ห้ามเปิด เวป นี้ เด็ดขาด --
เว็บ siamstreet.com และ digithais.com
ปล่อย ไวรัส อย่าเปิด แถมข้อมูลยังโดนแฮ็กด้วยบอกต่อด้วย โหด มาก
เตือนทุก คน ฟอร์เวิร์ดต่อด้วย นะ !
Virus
ชื่อ kali มันจะมากับเมล์ชื่อ Let watchTV .
อย่า เปิด เพราะ harddisk คุณจะเกลี้ยงทุกอย่างโดย ทันที
ส่งต่อด้วยยังไม่มีวิธีแก้ไข ไม่ควรเปิด เว็บ Siamstreet.com และ Digithais.com

***** ขอย้ำ ว่า FORWARD ต่อด้วย นะ
 
 


โหลดฟรี! โปรแกรม Windows Live ครบชุด Windows Live Services

แบ่งปันรูปถ่ายกันอย่างง่ายดายด้วย Windows Live™ Photos ลากแล้วปล่อย

check out the rest of the Windows Live™. More than mail–Windows Live™ goes way beyond your inbox. More than messages

What can you do with the new Windows Live? Find out

What can you do with the new Windows Live? Find out

Get news, entertainment and everything you care about at Live.com. Check it out!



Internet Explorer 8 – Get your Hotmail Accelerated. Download free!

What can you do with the new Windows Live? Find out

Surfing the web just got more rewarding. Download the New Internet Explorer 8

Windows Live™ Hotmail®:…more than just e-mail. Check it out.


-----Inline Attachment Follows-----

This e-mail and any attachment may contain
confidential or legally privileged information
for use of Osotspa Co., Ltd. only. If you  are
not the intended recipient, you are not authorized
to copy or disclose all or any part of it without the prior written consent of the company.



วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

เอกชนทุ่มร้อยล้านพัฒนาท่าเรือปัตตานี ตั้งเป้าศูนย์ขนส่งสินค้า-ยางมะตอยแดนใต้

เอกชนทุ่มร้อยล้านพัฒนาท่าเรือปัตตานี ตั้งเป้าศูนย์ขนส่งสินค้า-ยางมะตอยแดนใต้ 

ที่มา: Patanipost
27 เมษายน 2552

วิกฤติเศรษฐกิจโลก ซ้ำด้วยปัญหาการเมืองในประเทศ ทำให้การลงทุนหดหาย ธุรกิจน้อยใหญ่กำลังใกล้ตาย ผู้คนเริ่มทยอยตกงาน นั่นเป็นสภาพที่เกิดขึ้นทุกหัวระแหงของประเทศไทย...

แต่สำหรับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาที่ต้องเผชิญดูจะซ้ำซ้อนกว่านั้น เพราะยังมีสถานการณ์ความไม่สงบคอยบั่นทอนความเชื่อมั่นไม่ให้มีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างที่ควรจะเป็นอีกด้วย ทั้งๆ ที่ดินแดนแห่งนี้ก็มีศักยภาพไม่ได้ด้อยกว่าพื้นที่อื่นของประเทศ

ทว่าท่ามกลางความมืด ก็อาจจะไม่ได้มืดมิดเสียทีเดียว หลายๆ ครั้งยังมีแสงสว่างลอดลงมาบ้างเหมือนกัน อย่างเช่นล่าสุดที่ปัตตานี กำลังมีกลุ่มธุรกิจเอกชนรายใหญ่ขอเช่าท่าเทียบเรือจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี (อบจ.ปัตตานี) เพื่อทำศูนย์กลางยางมะตอยและเป็นศูนย์ขนส่งสินค้า ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่แล้ว ยังลดต้นทุนของผู้ประกอบการ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมหาศาลอย่างที่ผ่านมา 

ข่าวกลุ่มบริษัทในเครือ เอส.บี.กรุ๊ป ทุ่มเม็ดเงิน 100 ล้านบาทผุดท่าเทียบเรือพร้อมโกดังสินค้าในท่าเรือปัตตานี หวังเป็นศูนย์กลางการส่งออกทางเรือในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นศูนย์กลางนำเข้ายางมะตอยเพื่อก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ ทำให้บรรยากาศการค้าการลงทุนในดินแดนแห่งนี้คึกคักขึ้นมาไม่น้อย

นายสัญญา หลีกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เอส.บี.มารีนโปรดักส์ จำกัด และประธานบริษัทในเครือเอส.บี กรุ๊ป เปิดเผยว่า หลังจากเกิดสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้บริษัทขนส่งปฏิเสธที่จะเข้ามาส่งสินค้าในพื้นที่ หรือหากยอมขนส่งสินค้าให้ ก็จะคิดค่าบริการที่แพงมาก

"ที่ทำกันส่วนใหญ่ก็จะทิ้งสินค้าไว้ที่โกดังหาดใหญ่ (จ.สงขลา) แล้วผู้ประกอบการในพื้นที่ก็ต้องไปขนมาเอง ทำให้ระบบลอจิสติกส์ (ระบบขนส่งสินค้า) ในพื้นที่กลายเป็นอัตพาต ทั้งๆ ที่ปัตตานีมีโรงงานอุตสาหกรรมค่อนข้างเยอะ" 

อย่างไรก็ดี หากหวังจะ "บูม" ธุรกิจการขนส่งสินค้าในพื้นที่ ก็จะติดปัญหาเรื่องท่าเรือเก่าที่ไม่สามารถรองรับปริมาณเรือจำนวนมากได้ ด้วยเหตุนี้ กลุ่มเอส.บี.จึงประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ขอเข้าไปพัฒนาท่าเรือแห่งที่ 2 โดยใช้วิธีเช่าท่าเรือของ อบจ.เพื่อสร้างปัตตานีให้เป็นเมืองท่าสำหรับส่งออกสินค้าจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปยังจีน เวียดนาม เกาหลี และไต้หวัน โดยไม่ต้องผ่านท่าเรือปีนังของมาเลเซีย

"ท่าเรือแห่งใหม่นี้จะเปิดสายการเดินเรือในเดือน เม.ย. โดยเราร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ (ผู้ร่วมลงทุน) กับ คุณสุธรรม ตันไพบูลย์ เจ้าของบริษัทซีทรานซ์ ซึ่งให้บริการเรือเฟอร์รี่อยู่ที่เกาะสมุย (จ.สุราษฎร์ธานี) โดยในระยะเริ่มต้นจะมีเรือขนาด 600 ตัน 2 ลำก่อน ซึ่งจะช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของสามจังหวัดดีขึ้นในสายตาของนักลงทุนทั่วไป" ประธานบริษัทในเครือเอส.บี.กรุ๊ป ระบุ

เขาอธิบายว่า เรือทั้ง 2 ลำจะขนสินค้าจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ โดยจะประสานกับท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีสินค้าที่สำคัญๆ เช่น ยางพารา ไม้ยางพารา ปลากระป๋อง เป็นต้น ส่วนเรือขาเข้าจะขนยางมะตอยมากระจายให้กับผู้รับเหมาในพื้นที่เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในสามจังหวัด เนื่องจากค่าขนส่งจากกรุงเทพฯแพงมาก เชื่อว่ากลุ่มผู้รับเหมาทั้งจาก จ.ยะลา นราธิวาส และปัตตานี จะหันมาใช้บริการกับ เอส.บี.กรุ๊ป มากพอสมควร

"งบลงทุนเฟสแรกลงไปแล้ว 10 ล้านบาท โดยในส่วนท่าเรือยาว 100 เมตรเสร็จราว 90% แล้ว และมีเรือขนาด 600 ตันบริการลูกค้าอยู่ ขณะนี้เรากำลังดำเนินการเฟส 2 เพื่อเดินเรือเชื่อมระหว่างปัตตานี-แหลมฉบัง-ขนอม เนื่องจากบริษัทซีทรานส์มีท่าเรืออยู่ที่ขนอม (อำเภอชายทะเลของ จ.นครศรีธรรมราช)" 

นายสัญญา ยังบอกด้วยว่า ท่าเรือปัตตานีซึ่งเป็นของเอกชนแห่งนี้ สามารถช่วยผู้ประกอบการรายเล็กในพื้นที่ได้มาก เพราะผู้ประกอบการรายเล็กๆ ในปัจจุบันต้องเจอปัญหาสินค้าไปติดอยู่ที่ปาดังเบซาร์ (ด่านชายแดนที่ อ.สะเดา จ.สงขลา) หรือติดค้างที่ปีนัง บางครั้งไปไม่ทัน ฉะนั้นเมื่อท่าเรือใหม่พร้อม 100%  ก็เชื่อว่าจะรองรับการขนส่งสินค้าเหล่านี้ได้ทั้งหมด ส่วนโครงการในเฟส 2 จะมีโกดังเก็บสินค้าซึ่งสามารถลงตู้คอนเทนเนอร์ได้ 400-500 ตู้ ในเนื้อที่ 16 ไร่ด้วย ขณะนี้มีเรือเครนแล้ว คาดว่าทั้งโครงการจะใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาท

นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายก อบจ.ปัตตานี กล่าวว่า การตัดสินใจอนุมัติสัญญาเช่าท่าเทียบเรือของ อบจ.เป็นเรื่องที่ต้องผ่านสภา และได้พิจารณาข้อเสนออย่างละเอียดรอบคอบ เบื้องต้นทราบว่าทางเอส.บี.กรุ๊ป จะใช้ท่าเรือแห่งนี้เป็นศูนย์กลางขนส่งยางมะตอยในสามจังหวัด ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการในพื้นที่มีปัญหาเรื่องการขนส่ง เพราะต้องนำยางมะตอยมาจากกรุงเทพ การที่ เอส.บี.กรุ๊ป ทำโครงการนี้จะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ จึงได้อนุมัติสัญญาไปเป็นเวลา 30 ปี 

"โครงการนี้สอดคล้องกับโครงการของจังหวัดที่ได้รับงบประมาณมาขุดร่องน้ำบริเวณอ่าวปัตตานี เพื่อให้เรือขนาดใหญ่เข้ามาจอดเทียบท่าได้ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้และลดปัญหาว่างงานในจังหวัดได้มากทีเดียว ทั้งยังลดต้นทุนของผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทางต่างๆ ที่ประชาชนยังต้องการอยู่อีกมากด้วย เมื่อผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนได้ ก็จะฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไปได้โดยไม่ต้องลดคนงาน สุดท้ายคนในพื้นที่ก็จะได้ประโยชน์" นายก อบจ.ปัตตานี ระบุ

ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการความหวังที่จะปลุกเศรษฐกิจในพื้นที่ให้คึกคักจากความซบเซา...




http://www.prachatai.com/05web/th/home/16631

โดย : ประชาไท   วันที่ : 28/4/2552


Rediscover Hotmail®: Now available on your iPhone or BlackBerry Check it out.

เครือข่ายเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้: เปิดห้องภาษาญี่ปุ่นแล้วจ้า



 

ข้อความถึงสมาชิกทั้งหมดของ เครือข่ายเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

เปิดห้องภาษาญี่ปุ่นแล้วจ้า
ใครที่อยากจะสนทนาภาษาญี่ปุ่น คุยที่ห้องนี้ได้เลยครับ
http://go2pasa.ning.com/groups

เข้าร่วมเครือข่ายเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ : http://go2pasa.ning.com

--
To control which emails you receive on เครือข่ายเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้, go to:
http://go2pasa.ning.com/profiles/profile/emailSettings

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

ขอความร่วมมือในการทำแบบสำรวจเรื่อง "การรู้จักชื่อและบทบาทหน้าที่ของสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ"



--- On Sun, 4/26/09, GITS-Helpdesk <helpdesk@gits.net.th> wrote:

From: GITS-Helpdesk <helpdesk@gits.net.th>
Subject: ขอความร่วมมือในการทำแบบสำรวจเรื่อง "การรู้จักชื่อและบทบาทหน้าที่ของสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ"
To: "GITS-Helpdesk" <helpdesk@gits.net.th>
Date: Sunday, April 26, 2009, 7:59 PM

เรียน ท่านผู้ใช้บริการ  
 
สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ ใคร่ขอความร่วมมือทุกท่านในการทำแบบสำรวจเรื่อง "การรู้จักชื่อและบทบาทหน้าที่ของสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ" เพื่อนำข้อมูลจากการสำรวจมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการทำงานของสบทร. ต่อไป
 
 
 
 
โดยท่านสามารถเข้าไปทำแบบสอบถามออนไลน์ได้ที่ Link  http://www.gits.net.th/
 
ขอแสดงความนับถือ
 
สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ
Government Information Technology Services (GITS)

11 FL., Bangkokthai Tower 108 Rangnum Rd.,

Phyathai,Rachatavi Bangkok 10400


เรื่องเล่าของคนไม่ดูทีวี (1) คุยกับ “จิตร์ ตัณฑเสถียร”

เรื่องเล่าของคนไม่ดูทีวี (1) คุยกับ "จิตร์ ตัณฑเสถียร" 

เขียนโดย อัญญรัตน์ อ่อนสุทธิ
ถอดความจากวงเสวนาย่อยปิดทีวี : รู้ทันโฆษณา โดย จิตร์ ตัณฑเสถียร


http://wechange.seubsan.net/Joomla/index.php?option=com_content&view=article&id=184&Itemid=19

 


จิตร์ ตัณฑเสถียร

 

"มีความเชื่อว่า ของที่เราควรรู้เราจะรู้เอง"

"การบริโภคอย่างมีสติ เปลี่ยนชีวิตเราได้"

"หากจะมีใครซักคนที่ชวนเค้าซื้อ คนนั้นควรจะเป็นคนที่มีสติ"

"ปิดทีวีคือสุขกับการไม่กระตุ้นเร้าตัวเองมากเกินไป แต่กว่าจะไปจุดนั้นได้ต้องก้าวข้ามความเบื่อก่อน"

"นักวิจัยตลาดจะรู้ว่าคุณค่าที่มนุษย์ต้องการมีไม่กี่อย่าง"

"ถ้าทำโฆษณาเป็นของในฉากต้องมีความหมาย มันเป็นศาสตร์ของการสร้างความเชื่อ"

ปิดทีวีกันมาเกือบ 7 วันแล้ว เราอยากประเดิม "เรื่องเล่าของคนไม่ดูทีวี" กับนักโฆษณาอารมณ์ดีมีวิธีคิดเชิงบวกอย่าง จิตร์ ตัณฑเสถียร หรือ โก๋ เจ้าของบริษัทที่ปรึกษาโฆษณา Vitamins Consulting& Reseach ขณะที่อีกด้านก็เป็นบรรณาธิการวารสารพลัม เป็นศิษย์เอกคนหนึ่งของพระนักต่อสู้ชาวเวียดนาม "ติช นัช ฮันท์" แถมยังเป็นสมาชิกปิดทีวีอีกด้วย เขาผสานชีวิตหลายด้านนี้เข้าด้วยอย่างไร แล้วการเป็นที่ปรึกษาโฆษณาตัวเอ้ แต่กลับบอกว่าไม่ดูทีวีร้อยเปอร์เซ็นต์มาสองปีแล้ว เขาทำได้อย่างไรกันล่ะ

คุยไปคุยมา นอกจากได้เรื่องเล่าของคนไม่ดูทีวีแล้ว ทีมผู้จัดแคมเปญปิดทีวียังได้คำแนะนำแบบ "จึก" โดนใจให้กลับไปคิดอีกเพียบด้วย

งานของคุณโก๋เกี่ยวข้องกับทีวีโดยตรงเลยทีเดียว ?

การสร้างแบรนด์เป็นการสร้างมิตรภาพแบบหนึ่งนะ เป็นการตีซี้ระหว่างสินค้ากับสิ่งที่เรียกว่าผู้บริโภค อาชีพผมเกี่ยวโดยตรง แต่ก็ปิดทีวีร้อยเปอเซ็นต์มาสองปีแล้ว เลยอยากถามว่าจะยุให้เขาปิดทีวีทำไมเหรอ (หัวเราะ) ที่สำคัญคือต้องรู้ว่าบริโภคอะไรก็กลายมาเป็นตัวเรา บริโภคผ่านตา ผ่านเสียง ก็กลายมาเป็นจิตใจเรา นำไปสู่แรงจูงใจในการดำรงชีวิตด้านอื่นๆ ถือว่าผมมีสองบท ด้านหนึ่งคือทำให้คนบริโภค อีกด้านคือทำให้บริโภคอย่างมีสติ คนเราต้องบริโภคอะไรสักอย่าง ข้อมูลก็เป็นการบริโภค ต้องรู้ก่อนว่าเรากำลังบริโภคอะไร เมื่อเราเปิดทีวีเราได้รับอะไร ใช่ที่เราอยากได้มั้ย เราเลือกได้มั้ย ได้เลือกหรือเปล่า

ปัญหาคือไม่ได้เลือก เราใช้ชีวิตแบบไม่ตื่น เพราะถ้าตื่นคงไม่เดินไปเปิดทีวีตั้งแต่เข้าบ้าน พอเงียบแล้วกลัว รู้สึกแปลก เราอยู่กับความเงียบไม่เป็น อยู่กับความคิดไม่เป็น เลยต้องเอาเอ็มพีสามติดหู คุยโทรศัพท์ตลอดเวลา

 

 

ปิดทีวีแล้วไม่กลัวตามคู่แข่งในแวดวงไม่ทันเหรอ ?

ตอนแรกที่ก็กลัวจะไม่รู้นะ แต่มีความเชื่ออยู่ว่าของที่เราควรรู้เราจะรู้เอง แล้วบางทีที่เรากลัวไม่รู้เพราะกลัวจะไม่ "สนุก" ผมเพิ่งได้อ่าน "สารโกมล" พระไพศาล (วิสาโล) เขียนว่า คนมีความสุขจากการถูกกระตุ้น หนังมันเลยต้องโหดมากขึ้นๆ การทำให้คนซื้อของก็ต้องเร้ามากขึ้นๆ เราคุ้นเคยกับความสุขแบบกระตุ้นเร้ากันแล้ว แต่จริงๆคนกินจืดก็จะเจอความอร่อยในความจืดนะ

จริงๆมันมีอีกสุข คือ สุขแบบสงบ ปิดทีวีคือสุขกับการไม่กระตุ้นเร้าตัวเองมากเกินไป ปล่อยให้สัมผัสตัวเองว่างๆ เกลี้ยงๆ แต่กว่าจะไปจุดนั้นได้ต้องก้าวข้ามความเบื่อก่อน เพราะเราเบื่อไงเลยต้องไปบริโภคอะไรซักอย่าง แต่ปรากฏว่าบริโภคแล้วมันไม่จบ ชั่วโมงการบริโภคทีวีต่อวันโดยเฉลี่ยยังมากขึ้นเรื่อยๆนะ เนื้อหารายละเอียดมันก็มากขึ้น เพราะเขาเห็นเราเป็นผู้บริโภค มันเป็นหลักเชิงพาณิชย์ทั่วไป เขากำลังลงทุนอย่างชาญฉลาด เราก็ต้องระวังตัวเอง เท่านั้นเอง

คิดแบบนี้แล้วขัดแย้งมั้ยกับการงานที่ต้องกระตุ้นการบริโภค ?

ไม่เลย (ตอบทันที) การบริโภคอย่างมีสติเปลี่ยนชีวิตเราได้ ผมพบว่าหากจะมีใครซักคนที่จะชวนเค้าซื้อ คนนั้นควรจะเป็นคนที่มีสติมาก ผมถึงต้องอยู่ตรงนี้ไง เดี๋ยวมีใครใจร้ายกว่าเรามาทำล่ะแย่เลย (หัวเราะ) สองปีหลัง เลยเดินสายไปบรรยายตามมหาลัย ไปพูดให้ อาจารย์ นักศึกษา ด้านนี้ฟัง หนังสือที่ผมแปล คือ "ศิลปะแห่งอำนาจ" ก็กลายเป็นหลักสูตรสองชั่วโมง สอนปริญญาโท

แต่พบว่าถึงหยุดดูทีวีมันก็จะมีสารพัดช่องทางมาชวนเราให้ซื้อ ให้รู้อยู่ดีแหละ แต่เราจะดูเหมือนคนดูหนังผีแล้วไม่กลัว ดูแบบขำๆ อย่างผมไปเป็นที่ปรึกษาให้พารากอน เราเขียนเองทำไมจะไม่รู้ อภิมหาพลังในการจับจ่าย อะไรต่างๆ นานาๆ แต่อำนาจที่แท้จริงคืออำนาจที่จะนั่งเฉยๆ ไม่ถูกปลุกเร้าให้ซื้อต่างหาก

ช่วงเริ่มปิดทีวีใหม่ๆ(สองปีที่แล้ว) เป็นอย่างไร?

ตอนนั้นกำลังติด AF ไม่เชิงติดหรอกแต่อารมณ์ประมาณ...อยากรู้ต่อน่ะ พอปิดไปก็มีบ้างที่อยากเปิดดู แต่พอได้ปิดไปได้จริงๆ มันทำให้มีเวลาไปรู้อย่างอื่น จีเอ็มโอ ปุ๋ยอินทรีย์ ฯลฯ

แล้วถ้าคนรอบตัวดูล่ะ อย่างเวลาที่บ้านเปิดกัน ?

ก็นั่งด้วยกับเขาบ้างแต่ไม่ได้ดู หันไปดูพี่สาวแทน แกล้งชวนคุย อุ๊ย! นี่มันตัวอะไรเนี่ย ชวนคุยจนเขารำคาญแหละ สักพักก็ชวนไปคุยเรื่องอื่นๆต่ออีก ไปงานโอท็อปมาแล้วเป็นไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย หลานไปเอาน้ำมาให้หน่อย แล้วเราก็แอบปิดทีวีซะ (หัวเราะ) คือ พอเราไม่คุ้น ตัวเราจะทำอะไรซักอย่างเองแหละ

มันเป็นการสู้กันทางความคิดด้วย ต้องชวนเขาทำอย่างอื่น อย่างวันหนึ่งหลานเดินมาบอกว่าอยากมีความสุขบ้าง เขาเห็นเรามีความสุขเลยมาถามเรา ต้องปรับให้เขาอยู่ในโหมดพร้อมรับก่อน แล้วเขาจะไปแสวงหาข้อมูล แล้วทำตามเอง ตอนนี้หลานก็เริ่มปิดบ้าง เพราะบอกเขาว่ากินอย่างไรเป็นอย่างนั้น แล้วทำไมเราเปิดทีวีปล่อยให้เอาอะไรยัดหูยัดตาเรา ดูอะไรก็เป็นอย่างนั้น

เอาเข้าจริงแล้ว การปิดทีวีหนึ่งสัปดาห์ไม่ง่าย เชื่อว่าจะเจอประเภทคนติดละคร ทนไม่ได้เลย เพราะมันเป็นการเสพข้อมูลไร้สาระที่เขาอยากจะเอาไปคุยไร้สาระต่อ แต่หากเราไม่มีพวกนั้น เราก็จะไม่ต้องการวัตถุดิบไร้สาระ ผมจะเลือกรับสื่อที่ไม่พุ่งหาเรา แต่เราจะเป็นคนเลือก บางทีอ่านไปแค่คำหนึ่งไม่เอาแล้ว มันมีประโยชน์หากเราเลือกรับเป็น แต่ถ้าแค่แก้เบื่ออยากสนุก ไม่คุ้มหรอก ยิ่งตอนนี้มีบริการที่จ่ายเงินไม่กี่ร้อยต่อเดือนก็ติดจานได้แล้ว มีเป็นร้อยๆช่อง เบื่อช่องนี้ก็ต่อช่องอื่นๆ ต่อไปเรื่อยๆ

แต่เคเบิลน่าจะทำให้คนธรรมดา ท้องถิ่นหรือชุมชนมีโอกาสสร้างสื่อเองมากขึ้นหรือเปล่า ?

ใครผลิตล่ะ ก็ค่ายใหญ่ทั้งนั้น เอาหนังมารีรัน ยืดอายุ ตัวเดียวแต่ถูกบริหาร เรากำลังกินอาหารเหลือนะ ช่วงเวลาที่เราได้งด(ดู)จริงๆ เราจะเห็นมิติใหม่ๆ ที่พูดนี่ไม่ได้แอนตี้คนที่ดูอยู่นะ แต่ต้องเลือก ต้องพิถีพิถันทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค สร้างมาตรฐานการบริโภคที่ดี แล้วใครจะเริ่มก่อนล่ะ ? ละครตอนนี้สะท้อนวัฒนธรรม ดูแล้วก็เชื่อว่าเป็นแบบนั้น สังเกตเด็กเดี๋ยวนี้สิ เวลาโกรธแผดเสียงโน้ตเดียวกับตัวร้ายเลย เขาคิดว่านี่คือการแสดงออกทางอารมณ์ที่จริงๆ งอนต้องทำหน้าแบบนี้ ไม่พอใจต้องทำหน้าแบบนี้

ทำไมเมืองนอกอัตราการดูทีวีไม่สูงเท่าบ้านเรา ความเจริญยิ่งต่ำ เคเบิลบ้าๆบอๆยิ่งเยอะ คุณภาพยิ่งแย่ ประเทศที่อัตราการดูทีวีต่ำมักเป็นประเทศที่มีพื้นที่สันทนาการมาก พ่อแม่ใช้เวลากับลูกเยอะ ไม่ใช่อยากกินอาหารก็พาไปซื้อ วัฒนธรรมก็ถูกสืบทอด เดี๋ยวนี้คนใช้ชีวิตเร็ว วัฒนธรรมการปรุงอาหารไม่มี แต่ประเทศที่ยังรักษาวัฒนธรรมอย่างสวีเดน อยากทานเห็ดก็เข้าป่า มีรายชื่อบอกว่ามีเห็ดอะไรบ้าง แต่ละชนิดมีประโยชน์อะไร แล้วก็เอาตะกร้าไปหา ให้เด็กถือ มันได้สมาธิ ได้อากาศ แต่บ้านเราเสียเวลา ชอปปิ้งทีเดียวได้หมด

แล้วระหว่างอินเตอร์เน็ตกับทีวี คิดว่าอะไรน่ากลัวตอนนี้ ?

ทีวีมีจำนวนคนมากกว่านะ ภาษาของการวิจัยตลาดเรียกว่า "active audience" ซึ่งทีวีจะมีมากกว่า อินเตอร์เน็ต หากนิ้วไม่คลิ๊กเม้าท์ คอนเทนไม่เกิด แต่ทีวีเปิดไว้แล้วจะไหลไปเรื่อยๆ ตอนนี้ทุกที่ก็มีทีวีหมดแล้ว นั่งอยู่ด้วยกันแต่ตามองทีวี บนบีทีเอสก็มีทีวี อาจเพราะคนไม่อยากคุยกันก็ได้ ไม่รู้จะเอาตาไปมองที่ไหน

ทีวีบนบีทีเอสเป็นสื่อสารระหว่างการโดยสารที่เรียกว่า "translate media" ซึ่งมันทำให้ยอดขายสินค้าพุ่งทันตาเห็นเลย ผมว่าเขาเข้าใจพฤติกรรมคนด้วย คนทุกวันนี้ไม่รู้จะอยู่กันยังไงไง มันไม่มีจุดมอง มันเป็นเรื่องของพฤติกรรมสังคม มันมีความเชื่อมโยงกัน หากสิ่งแวดล้อมเปิดทีวี 24 ชั่วโมง เบื่อก็ให้ดูๆๆ ซึ่งจะเป็นการบ่มเพาะพฤติกรรมต่อๆกันไป มันเป็นการเลือกของสังคม

ไม่ดูทีวีแล้วหาข้อมูลในการคิดโฆษณาอย่างไร ?

ง่ายมากเลย โชคดีที่เราอยู่ในจุดที่คนอยากให้เราทำงาน ก็เอาข้อมูลมาป้อนสิ เราก็จะรับประทานอย่างมีสติ จะไม่ปล่อยให้ข้อมูลค้าง ต้องใช้วัตถุดิบทุกอย่างให้เป็น

พอปิดทีวีมาสองปี เมื่อได้ดูโฆษณา(ของคนอื่นคิด)ก็ยิ่งจะเห็นเป็นเฟรมๆเป็นฉากๆเลย คนดูไม่รู้หรอกว่าซื้อเพราะอะไร การบริโภคทีวี 14 ชั่วโมงต่อวันน่ากลัวมาก การเปิดทีวีทิ้งไว้แล้วฟังเสียงแทนวิทยุน่ากลัวมาก ทุกฉากมันถูกดีไซน์ โฆษณาสิบห้าวินาทีทุกอย่างต้องมีเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ

อยากให้ลองเล่าถึงกลไกลการทำงานของโฆษณา ทีวีกับโฆษณาหนีกันไม่พ้น ?

ในการทำงาน แน่นอนผมเป็นคนแรกที่ถูกหลอก ถ้าไม่ชอบ ไม่เชื่อ ก็ไม่รู้จะสื่อสารยังไง กลไกการทำงาน คือ ต้องทำให้ต้องรู้สึกดีกับสินค้า รู้ว่ามีคุณสมบัติอะไรต่างจากคู่แข่ง กระทั่งชอบอันนี้มากว่า แล้วเลือกซื้อในที่สุด

แต่หากเราไม่ค่อยได้ดูแล้วมาดูจะเห็นได้ชัด เพราะมันเหมือนสิ่งแปลกปลอม ในโฆษณาเราจะเห็นเลยว่า ต้องให้ซื้อพล็อตเรื่องก่อน คือ รู้สึกเห็นด้วยกับเรื่องราว ตรงกับประสบการณ์ของฉัน แล้วก็จะเปิดรับสิ่งที่สื่อออกมา แล้วสังเกตมัยว่าจะบิ๊วเราขึ้นไปเรื่อยๆ ให้หนึ่งขวด ให้กลับสามขวด สุดท้ายให้กันเป็นกอง มันถูกคิดมาหมด แล้วเราดูทันมั้ย ทุกสิ่งที่อยู่ในฉากมีความหมาย ตั้งแต่สีเสื้อ สีอะไร ขายอะไร มันเป็นการคุยกับจิตใต้สำนึกเรา เสียง อารมณ์ จังหวะที่สินค้าถูกแนะนำ บางทีก็รู้สึกนะว่า โห! เดี๋ยวนี้โหดร้ายกับคนดูขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย มันถูกใส่รหัสหมด

โฆษณาส่วนใหญ่จะอิงกับคุณค่าพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ นักวิจัยจะรู้ว่าคุณค่าที่มนุษย์ต้องการมีไม่กี่อย่าง แบรนด์หนึ่งชื่อ happy แบรนด์หนึ่งชื่อ freedom มันเป็นคุณค่าที่ได้ไม่เคยเต็ม เป็นศาสตร์พื้นฐานของความเป็นมนุษย์ทั่วไป

โฆษณาไม่ได้ทำอะไรทั้งหมดหรอก เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมการสื่อสาร เป็นการทำงานของสมองและความจำ อันนี้จับคู่กับอันนี้ มะนาว คือ รสเปรี้ยว หน้าร้อนราคาแพง ถ้าเราอยู่กับสิ่งนี้บ่อยๆก็จะเริ่มจับคู่ ยี่ห้อนี้ สัญญาณดี สีฟ้า เป็นชุดของรหัสความทรงจำของคน แล้วแบบนี้คนทำงาน (ปิดทีวี) จะสู้เขาไหวมั้ย เม็ดเงินของเขา ศาสตร์ต่างๆที่เขารู้ ต้องทำสิ่งที่เราทำอยู่ให้เป็นรูปธรรม

แล้วจะรู้ทันโฆษณาอย่างไร ?

ลองดูเล่นๆ เสริชเข้าไปใน www.kosanathai.com แล้วลองตีตารางนะ แบ่งเป็นห้าคูณห้า ลากแนวตั้ง 5 แนวนอน 5 ก็จะมี 25 ช่อง (ลากในใจลงบนจอโฆษณา) หรือจะปรับเท่าไหร่ก็ได้ เล่นๆ ขำๆ แบบนี้เขาเรียก "semiotic" ถอดเฟรมบายเฟรม

ลองดูว่าแต่ละช่องเขาอยากบอกอะไรเรา ยกตัวอย่างโฆษณาชิ้นหนึ่ง ตู้โชว์ข้างหลังจะว่างๆ จะได้ไม่ดึงความสนใจ มีลูกมีแม่ แม่ก็เป็นแม่แสนสวย ภาพข้างหลังจะขาวดำเพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจ ตาจะได้มองตรงกลาง มันมีสาเหตุในการสร้างองค์ประกอบทั้งหมด ซึ่งมันถูกขาย โซฟาเก๋ๆ เพื่อโชว์ฐานะ มันถูกวางอย่างมีเหตุผล ดอกไม้บนโต๊ะ ถ้าทำโฆษณาเป็น ของในฉากต้องมีความหมาย มันเป็นศาสตร์ของการสร้างความเชื่อ ก็ดูสิ ทำไมโปสเตอร์ปิดทีวีถึงทำวิ้งๆ ไว้ข้างทีวี ทำไมถึงกระโดดข้ามทีวี

ในฐานะนักโฆษณาที่ต้องเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์มาก จะทำอะไรกับแคมเปญปิดทีวีหากได้ทำ?

ต้องมีสิ่งที่สนุกกว่าให้เขาทำ เศรษฐกิจไม่ดีคนยิ่งดูเยอะ แล้วมันไม่ต้องใช้เงิน ที่บอกว่าปิดทีวี เปิดชีวิต ดีแล้ว และลองให้คนลิสต์กิจกรรมที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำ นี่ไงมีเวลาแล้วทำสิ อยากปลูกต้นไม้ ลองเพาะชำ มันอเมซิ่งมากนะที่ตัดแล้วไปต่อกันได้ มันงอกได้จริงๆ เราจะพบมหัศจรรย์ชีวิตอีกหลายรูปแบบ และน่าจะมีอะไรให้เขาเห็นเป็นผลงานเล็กๆน้อยๆ เหมือนให้ลูกกวาด บอกเขาว่าดีแล้ว เอาอีก ทำอีก แล้วลองถามว่าใครอยากปิดต่อบ้างหลังจาก 7 วัน จะทำยังไงให้เวลาปลอดทีวีเป็นเวลาที่มีความสุข สุขสองชั้นด้วย สุขตอนบริโภค แล้วสุขใจต่อหลังบริโภค ทำให้เขารู้ว่าที่เขาอยากดูจริงๆมันไม่เท่าไหร่หรอก

เชื่อว่าคนจะถามว่าปิดทีวีแล้วทำยังไง ให้ทำอะไรกับเวลาที่งอกขึ้นมา คนมันไม่เคยเป็นอิสระ เคยได้ยินใช่มั้ยว่าตอนเลิกทาสแล้วทาสขออยู่ด้วยต่อ ขอทำกับข้าวให้อีกมื้อเถอะนาย แล้วก็อยู่ที่เดิมนั่นแหละ มันเป็นอิสรภาพที่ไม่คุ้นเคย

มีคำแนะนำมั้ย สำหรับคนติดทีวีและคนที่อยากลองปิดทีวี ?

ไม่ดูอย่าเปิดไว้ อย่าเปิดรอดูรายการโปรด เหมือนคนไม่กินจุบจิบ แล้วจะรู้ว่ากินกับไม่กินต่างกันยังไง ไม่อย่างนั้นเราจะเริ่มคุ้น แล้วพอปิดจะเหมือนอะไรหายไป ผมปิดทีวีได้แล้วก็เริ่มปิดซีดี ดีวีดี แล้วก็เริ่มได้ยินเสียงนกร้อง มันจะมีพื้นที่เพียงพอสำหรับข้อมูลใหม่ๆของชีวิตน่ะ แต่อาจจะแปร่งๆบ้าง เหมือนคนกินน้ำหวานเยอะๆ แล้วมากินน้ำเปล่า เก็บสายตาไว้มองเรื่องดีๆดีกว่า อย่างในการทำงาน ผมต้องการความสะอาดของงาน อยากทำงานที่สวยต้องดูของสวย ที่พูดนี่ก็ไม่ได้เกลียดทีวีนะ แต่คิดว่าไม่เหมาะกับชีวิตตัวเอง

หัดใช้ชีวิตช้าๆ หน่อย มีอะไรน่าทำในกรุงเทพฯบ้าง ลองเดิน เดินผสมรถเมล์ หอศิลป์กรุงเทพฯ เอาเงินมหาศาลมาทำให้เราดู หรือที่เอมโพเรียม ไปชั้น 6 เลย TCDC ไปบริโภคอาหารสมอง เลือกทำอย่างอื่น เอาสิ่งที่เราทำไปเป็นแรงบันดาลใจกับคนวัยเดียวกันบ้าง ผมทำ "วารสารพลัม" ด้วยนะ เล่มหน้าประเด็นสุขแบบไม่ต้องใช้เงิน

 

 



http://www.prachatai.com/05web/th/home/16619

โดย : ประชาไท   วันที่ : 26/4/2552


Rediscover Hotmail®: Now available on your iPhone or BlackBerry Check it out.

BTSปลุกที่ดิน-คอนโดฝั่งธน ยักษ์อสังหาเด้งรับ-สบช่องขยับราคาขาย

 
วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4100

BTSปลุกที่ดิน-คอนโดฝั่งธน ยักษ์อสังหาเด้งรับ-สบช่องขยับราคาขาย



รถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายบูมทำเลฝั่งธนฯ คอนโดฯคึกคักขึ้นทันตาเห็น ดีเวลอปเปอร์-แลนด์ลอร์ดเฮ ! รับอานิสงส์ถ้วนหน้า บิ๊กแบรนด์อสังหาฯพลิกแผนรับ คิวเฮ้าส์-แสนสิริ ฉวยจังหวะจัดแคมเปญดูดกำลังซื้อ ค่ายอนันดา-นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ จ้องขยับราคาขาย ส่วนแลนด์ฯ-เพอร์เฟคมั่นใจดีมานด์เพิ่มเล็งผุดโปรเจ็กต์ใหม่ เผยราคาที่ดินพุ่ง ธนารักษ์เตรียมปรับราคาประเมินตั้งแต่คลองสาน ธนบุรียันภาษีเจริญ กทม.แก้ผังเมืองคุมการพัฒนา



พื้นที่ฝั่งธนบุรีถึงก้าวจุดเปลี่ยนอีกครั้ง หลังกรุงเทพมหานคร (กทม.) เชื่อมเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสเดิมที่สิ้นสุดบริเวณสถานีตากสินไปยังฝั่งธนบุรี และถือฤกษ์ทดลองเดินรถเป็นทางการเมื่อ 01.00 น. วันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธาน ก่อนเปิดให้บริการจริงในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อ 1-2 ปีก่อน เริ่มเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะค่ายพัฒนาที่ดินระดับบิ๊กแบรนด์ที่ต่างขยายฐานเจาะตลาดคอนโดมิเนียม ในทำเลรถไฟฟ้าฝั่งธนฯ แบบซื้อเวลารออนาคต

ทั้งฉวยจังหวะจัดอีเวนต์ส่งเสริมการขายรับรถไฟฟ้าสายใหม่ การงัดกลยุทธ์ชะลอขายก่อนจะปรับราคา ขณะที่ผู้ประกอบการหลายรายวางแผนผุดโปรเจ็กต์ใหม่เพิ่ม เพื่อรองรับกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยติดแนวรถไฟฟ้าในโซนฝั่งธนฯ นอกจากนี้รถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ยังแผ่อานิสงส์ทำให้ราคาที่ดินในเขตคลองสาน ธนบุรี ภาษีเจริญ บางแค ฯลฯ ปรับเพิ่มขึ้น จนทำให้กรมธนารักษ์เตรียมปรับราคาประเมินที่ดินครั้งใหม่ ขณะที่ กทม.ก็พิจารณาปรับการใช้ประโยชน์ที่ดินในผังเมืองรวม กทม.รองรับความเจริญเติบโตที่จะตามมา

บิ๊กแบรนด์แข่งลงทุนหมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานผลการสำรวจพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายฝั่งธนฯ 2.2 กิโลเมตร พบว่ามีโครงการอสังหาฯเกิดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่สถานีสะพานตากสิน สถานีเจริญนคร ไปจนสุดแนวส่วนต่อขยายใหม่ที่สถานีวงเวียนใหญ่ และแม้จะเลยแนวส่วนต่อขยาย 2.2 กิโลเมตรไป ก็ยังมีทาวน์เฮาส์ คอนโดฯ ฯลฯ เกาะแนวโครงสร้างเส้นทางส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและจะเปิดใช้ในอนาคต 5.3 กิโลเมตรจนถึงสถานีปลายทางบางหว้า

ที่น่าสังเกตคือบริเวณโดยรอบ 2 สถานีหลักของส่วนต่อขยายใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดฯขนาดความสูง 20-30 ชั้น กระจุกตัวหลายโครงการติดๆ กัน โดยเฉพาะบริเวณทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้า 2 ฝั่งถนน หลักๆ เป็นของรายใหญ่ทั้งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ควอลิตี้ เฮ้าส์, แสนสิริ และ ที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์ รวมทั้งอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ที่กำลังมาแรง โดยพัฒนาคอนโดฯแบรนด์ไอดีโอถึง 2 โครงการ นอกจากนี้มีคอนโดฯพาร์คแลนด์ ของค่ายนารายณ์พร็อพเพอร์ตี้ รวมเบ็ดเสร็จเม็ดเงินลงทุนที่สะพัดอยู่ในทำเลนี้น่าจะไม่ต่ำกว่า 10,680 ล้านบาท เฉพาะจำนวนโครงการขนาดใหญ่ 7 โครงการ

สบช่องปรับราคาขายเพิ่ม

ความคืบหน้าด้านการขายและงานก่อสร้าง พบว่าโครงการส่วนใหญ่ก่อสร้างฐานรากเรียบร้อยแล้ว สำหรับการขายเกือบทุกโครงการยังมั่นใจว่าตลาดยังไปได้ดี แม้จะมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง เพราะทุกโครงการขายดีและมียอดขายเกิน 50% แล้ว อย่างโครงการพาร์คแลนด์ ตากสิน-ท่าพระ ของนารายณ์พร็อพเพอร์ตี้ สูง 29 ชั้น 2 อาคาร ซึ่งชูคอนเซ็ปต์คอนโดฯหน้ากว้าง 7.5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 35-40 ตร.ม. ราคาขายเฉลี่ย 50,000 บาท/ตร.ม. มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เปิดขายมาตั้งแต่กลางปี 2551 ปิดการขายแล้ว 1 อาคาร ที่เหลือ 1 อาคาร ได้ชะลอการขาย และจะปรับราคาขายเพิ่มขึ้น

"เวลานี้ผู้บริหารสั่งให้ชะลอการขายห้องชุดส่วนที่เหลือ เพราะเกรงว่าในวันเปิดแกรนด์โอเพนนิ่งเร็วๆ นี้จะไม่มีสินค้าขายให้ลูกค้าที่เชิญร่วมงาน เพราะที่ผ่านมามีลูกค้ามาชมห้องตัวอย่างจำนวนมาก และส่วนใหญ่ตัดสินใจวางเงินจองทันที น่าจะ มาจากอานิสงส์การเปิดใช้รถไฟฟ้า" พนักงานขายประจำโครงการดังกล่าวบอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ"

เช่นเดียวกับที่อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จะปรับราคาขายไอดีโอทั้ง 2 โครงการขึ้นอีก 1,000 บาท/ตร.ม. โดยไอดีโอ สาทร-ตากสิน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25.5-80.5 ตร.ม. จำนวน 349 ยูนิต ปัจจุบันราคาขายเฉลี่ย 75,000 บาท/ตร.ม. และไอดีโอ บลูโคฟ สาทร จำนวน 266 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยเริ่มที่ 35 ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท หรือ 73,0000 บาท/ตร.ม. ขายได้แล้ว 70%

บิ๊กอสังหาฯแย่งเค้ก

ด้านควอลิตี้เฮ้าส์ ซึ่งพัฒนาคอนโดฯ พร้อมอยู่ Q.House Condo Sathorn สูง 35 ชั้น จำนวน 533 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 32-50 ตร.ม. และ 57-84 ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 84,000 บาท/ตร.ม. ก็ฉวยจังหวะช่วงที่ กทม.เปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายฝั่งธนฯ เปิดให้ลูกค้าที่สนใจจองสิทธิ์ซื้อห้องชุดในระหว่างวันที่ 25-26 เมษายนนี้ ส่วนคอนโดฯแบรนด์ Hive สูง 31 ชั้น 363 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 40-99.50 ตร.ม. ราคาขายเฉลี่ย/ตร.ม. 85,000 บาท ของแสนสิริ กำลังจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองซื้อตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2552 รับ โทรทัศน์แอลซีดีขนาด 32 นิ้วทุกยูนิต

ขณะที่วิลล่า สาทร คอนโดมิเนียม ของ ที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์ บริษัทร่วมทุนระหว่าง ที.ซี.ซี.แลนด์ ของเจ้าสัว "เจริญ สิริวัฒนภักดี" กับแคปปิตอลแลนด์จากสิงคโปร์ คอนโดฯสูง 40 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 38-155 ตร.ม. จำนวน 660 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท ซึ่งเปิดขายช่วงก่อนหน้านี้ ขณะนี้ขายได้แล้ว 95% เหลือแค่ 26 ยูนิต และ The Bangkok สาทร-ตากสิน คอนโดฯสร้างเสร็จก่อนขาย ของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่เปิดตัวในทำเลดังกล่าวเป็นรายแรกๆ จำนวน 214 ยูนิต ราคาขาย 85,000 บาท/ตร.ม. เหลือขายแค่ 2 ยูนิตสุดท้ายเช่นเดียวกัน ราคายูนิตละ 6.29 ล้านบาท

แลนด์ฯ+เพอร์เฟค ผุดโปรเจ็กต์เพิ่ม

แหล่งข่าวในวงการอสังหาฯเปิดเผยว่า นอกจาก The Bangkok สาทร-ตากสินแล้ว เร็วๆ นี้แลนด์ฯจะเปิดตัวคอนโดฯใหม่อีก 1 โครงการในโซนฝั่งธนฯ ทำเลที่ตั้งโครงการจะห่างจาก 4 แยกตากสินมุ่งหน้าไปถนนกัลปพฤกษ์เพียง 900 เมตร เป็น คอนโดฯสร้างเสร็จก่อนขายตามคอนเซ็ปต์ โดยจะเคาะราคาขายเริ่มต้น 80,000 บาท/ตร.ม.

"ขณะนี้แลนด์ฯอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะใช้แบรนด์ The Room หรือ The Bangkok เพราะโครงการนี้จะหรูขึ้นมาอีกหน่อย เพราะมีการใส่รายละเอียดลงไปค่อนข้างมาก ตามแปลนจะเปิดขายได้ต้นปี 2554"

ส่วนพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดขายคอนโดฯเมโทร พาร์ค ที่เปิดตัวเมื่อ 1-2 ปี ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดขายโครงการเฟสที่ 3 ก็มีแผนจะลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งคอนโดฯ, ทาวน์เฮาส์ โดยนายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเผยว่า เดือนพฤษภาคมนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่บนถนนสาทรตัดใหม่ (กัลปพฤกษ์) ใกล้โครงการเมโทรพาร์ค (สาทรตัดใหม่) ที่เปิดขายอยู่ขณะนี้

บีทีเอสผู้โดยสารเพิ่ม 5 หมื่นคน

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานบริหาร บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า บริษัทกำลังหาซื้อที่ดินติดแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยาย 2.2 กิโลเมตร และส่วนต่อขยายเฟสจากตากสิน-บางหว้า เพื่อมาพัฒนาอสังหาฯ เพราะดูแนวโน้มแล้วตลาดน่าจะไปได้ดีเหมือนแนวรถไฟฟ้าเส้นทางอื่นๆ ตัดผ่าน ที่สำคัญในอนาคต ไลฟ์สไตล์คนฝั่งธนฯก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย

"การเปิดใช้ต่อขยายมาฝั่งธนฯ แม้จะแค่ 2.2 กิโลเมตร ยอมรับว่าบีทีเอสได้อานิสงส์ด้วย ทำให้ปริมาณผู้โดยสารของบีทีเอส เพิ่มขึ้น ประมาณ 5 หมื่นคน เป็นกลุ่มเดิมที่ใช้ประจำ 3 หมื่นคนและกลุ่มใหม่ 2 หมื่นคน"

ราคาที่ดินเด้งรับขยับ 30-100%

นายแคล้ว ทองสม ผู้อำนวยการสำนักประเมินราคาทรัพย์สิน กรมธนารักษ์เปิดเผยว่า มีแผนจะปรับราคาประเมินที่ดินในทำเลรถไฟฟ้าฝั่งธนฯใหม่ เนื่องจาก ไม่ได้ปรับมานานแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจ เพื่อให้สอดคล้องกับราคาตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปมาก สำหรับพื้นที่ที่ราคาประเมินจากปรับเพิ่มมากกว่าจุดอื่นๆ คือ เขตคลองสานและเขตธนบุรี อาจจะปรับมากกว่า 30% เพราะเป็นพื้นที่ที่แนวรถไฟฟ้าบีทีเอส 2.2 กิโลเมตรตัดผ่าน และเปิดให้บริการเป็นทางการแล้ว

กทม.คุมเข้มเตรียมปรับผังเมือง

ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า หลังเปิดให้บริการรถไฟฟ้าฝั่งธนฯเป็นทางการวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ที่จะเร่งดำเนินการ คือ ระบบฟีดเดอร์ ที่จะมารองรับสำหรับสถานีวงเวียนใหญ่ (S8) ได้จัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้มาใช้บริการ เช่น ลิฟต์ ผู้พิการ ฯลฯ จัดให้มีจุดจอดแล้วจร (park & ride) และจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสาร (PTI) พื้นที่สำหรับจอดรถแท็กซี่ รถตู้โดยสาร มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และรถบริการรับ-ส่ง (shuttle bus) จะมีทางเดินลอยฟ้า (sky walk) เพื่อเดินเชื่อมต่อกันระหว่างสถานี

นอกจากนี้กำลังให้สำนักผังเมือง กทม.พิจารณาปรับสีผังเมืองรวม กทม.ใหม่ เพื่อรองรับกับความเจริญเติบโตในอนาคต เพราะเห็นตัวอย่างมาจากบีทีเอสสายปัจจุบัน ที่พบว่ามีการพัฒนาตามแนวเส้นทางเกิดขึ้นมาก เนื่องจากฝั่งธนฯยังไม่เคยมีระบบขนส่งมวลชนมาก่อน การใช้ประโยชน์ที่ดินจึงต้องจัดให้เหมาะสม

หน้า 13
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02p0101270452&day=2009-04-27&sectionid=0201


Rediscover Hotmail®: Get quick friend updates right in your inbox. Check it out.

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/