วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

หยดฝนกับใบบัว

 
วันที่ 04 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4102

หยดฝนกับใบบัว


คอลัมน์ Dejavu

โดย สุมิตรา จันทร์เงา


ถือเป็นโชคของฉันที่ได้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น

เมื่อนักเล่านิทานที่เชี่ยวชาญเอกอุสองคนอยู่บนเวทีเดียวและช่วยกันเล่านิทาน

คนหนึ่ง เล่าด้วยใบหน้า น้ำเสียง และลีลาของนักเล่าเรื่อง ที่อ่อนหวานพลิ้วไหว ให้อารมณ์และบรรยากาศสอดคล้องไปกับเรื่องราวในหนังสือ เหมือนมารดาผู้ปรานีกำลังกล่อมให้ลูกน้อยนอนหลับสบายด้วยนิทานก่อนนอนของเธอ

คนหนึ่ง เล่าด้วยภาพที่แปรจินตนาการในตัวอักษรออกมาเป็นรูป ผ่านเส้นสายลายสีบนกระดาษวาดเขียนแผ่นใหญ่ เขาลากสีไปพร้อมโยกตัวซ้ายขวาขึ้นลงตามจังหวะอารมณ์ เหมือนกำลังเต้นรำตามบทเพลงที่ส่งเสียงร้องอยู่ภายใน สีหน้าของเขาเอิบอิ่มเป็นสุขอยู่กับงานที่ทำ

คนหนึ่งนั้นคือ คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ นักเขียน นักเล่านิทาน เจ้าของเรื่อง

RAINDROP AND LOTUS LEAF อีกคน คือ เทพศิริ สุขโสภา ศิลปินที่เชี่ยวชาญศาสตร์และศิลป์หลายแขนง ทั้งการเขียนรูป เขียนเรื่อง ร่ายคำ ฟ้อนรำ และเล่าเรื่องหลากแบบ เขาเป็นคนแปลนิทานเรื่องนี้เป็นภาษาไทยในชื่อ หยดฝนกับใบบัว และใช้ภาพเขียนของเขาเล่าเรื่องประกอบเสียงของคุณหญิงจำนงศรี ในงานไทเปบุ๊กแฟร์ 2009

คนเล่า เล่าด้วยเสียง ร่ายคำภาษาอังกฤษชัดถ้อย สวยงาม เป็นจังหวะ บางคราวก็เนิบช้า บางเวลาก็เร่งเร้าฮึกเหิมตามอารมณ์นิทาน สะกดคนฟังรายรอบอาณาบริเวณให้นิ่งงัน

คนเขียน เขียนเส้นปราดเปรียวเป็นรูปใบบัวสีเขียวระหว่างเรื่องเล่าดำเนินไป...



ฝนตกหัวค่ำ ทิ้งหยดน้ำใหญ่บนใบบัว

หยดฝน เทิ้มสั่นในแสงดาวสลัวทั้งคืน

ลมราตรีโบกไกวก้านบัว หยดฝนกลิ้งตัวดุจน้ำตาหมองต้องขัง

หยดฝนหวาดกลัวจนใบบัวรู้สึก...



"ฟังแมลงขยับปีกกรีดเสียงสิ" ใบบัวปลอบโยนฝนให้พ้นหวาดหวั่น

"ใบไม้ช่างจำนรรจ์ชอบซุบซิบกับสายลมค่ำคืน อึ่งอ่างครางเสียงอ้วนๆ ขับความเงียบ..."

ลมราตรีพัดผ่าน บัวขืนก้าน พยุงหยดฝนไม่ให้หล่นร่วงจากขอบเขียวสู่น้ำเบื้องล่าง

หยดฝนฟังเสียงกลางคืน ซึ่งเธอเพิ่งเคยได้ยิน...

ใบบัวสัมผัสรู้ถึงความสุขผสานความเบิกบานของหยดน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มพูน



หยดฝนลืมความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว เริ่มส่งแสงแผ่ววาวเมื่อฟ้าดำคล้ำคลาย

พลางสะเทิ้นอายยามได้เห็นรุ่งอรุณจุมพิตขอบฟ้า

ดอกบัวพากันตื่น แย้มกลีบด้วยลีลาสีชมพู คลายสู่สีขาว

เจ้าใบบัวอ่อนเริ่มกังวล รู้ว่ารุ่งอรุณนุ่มนวลเบิกบาน

ส่วนสนธยานั้นอ่อนโยนแกมหม่นเศร้า แต่กลางวันยาวนาน...

เที่ยงวันจะผลาญเผา มวลไม้กระหายหิวความชุ่มฉ่ำล้ำค่า

แม้ไร้ประสบการณ์ ใบบัวก็มั่นใจว่าเหตุร้ายจะเกิดกับน้ำหยดนั้น



ตะวันสูง หยดฝนใส ประกายกล้า ดั่งวิญญาณแก้วเก้า

ใบบัวเฝ้าเพ่งมอง ตะวันยิ่งสูง หยดน้ำยิ่งสวย

ดื่มด่ำรังสีสว่างไสว สะท้อนสีพริ้งพราย ร่ายรำบนบัวที่แกว่งใบไกวลม

ตะวันลอยดวงสูงขึ้นทุกที ใบบัวเศร้า...แสงแดดแผดร้อน ทรงพลัง



หยดฝนงามเรืองรองดุจสีแสงส่องจากภายใน ยิ่งงามขึ้นเท่าใด เธอก็ยิ่งเล็กลง

เจ้าใบบัวยังคงจ้องมองหยดน้ำดุจเพชรเม็ดน้อย แต่ก็ยังเปล่งแสงจนไม่มีอะไรเหลือหลง



เวลาผ่านเลย ใบบัวคุ้นเคยกับลมฝนและแสงตะวันยังเพียรรองรับหยดฝน

บางหยดระเหยหายในแดดจ้า บางหยดหล่นร่วงลงบึงล่าง ล้วนใสสดงดงาม

แต่หยดไหนไม่แม้นเหมือนหยดแรกเลยสำหรับเขา

อรุณกับสนธยารู้ว่าใบบัวเฝ้าคอย น้ำฝนหยดฝัน ที่ไม่มีวันหวนคืน

"แม้หมื่นล้าน ก็คงมีเพียงหนึ่ง" รุ่งอรุณอ่อนหวาน ผู้รู้จักดอกใบสรรพชีวิตทั้งหลายเอ่ยคำ

สนธยาขานรับอึมครึมขมัว"



ภาษากวีแสนงามของคุณหญิงในวันนั้นถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพเขียนใบบัวผู้ต่อสู้สุดชีวิตที่จะรักษาหยดฝนหยดแรกที่ระเหิดหายไปกับแสงตะวันเริง

โลกนี้ยังหิวกระหายบทกวีและนักเล่านิทาน :D (หน้าพิเศษ D-Life)

หน้า 21
 
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02dlf22040552&day=2009-05-04&sectionid=0225


Hotmail® has a new way to see what's up with your friends. Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/