วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ซีเรียลข้าวกล้องงอก ยกระดับข้าวไทยสู่สากล

ซีเรียลข้าวกล้องงอก ยกระดับข้าวไทยสู่สากล
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 เมษายน 2552 10:16 น.
       อาหารเช้าธัญพืชอบกรอบ หรือซีเรียล (Cereal) ที่คุ้นเคยมักแปรรูปมาจากข้าวโพด แต่ด้วยความสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการไทย อย่าง "กัญญณัช ยอดมณี" ได้พัฒนานำข้าวกล้องงอก ซึ่งอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ทางโภชนาการมาแปรรูปเป็นซีเรียล นอกจากจะเป็นนวัตกรรมใหม่ของข้าวกล้องแล้ว ยังมีส่วนช่วยเปิดตลาดสินค้าภูมิปัญญาไทยสู่สากลได้ดีขึ้น
       


กัญญณัช ยอดมณี
       เจ้าของไอเดีย เล่าว่า ส่วนตัวจบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ก่อนหน้านี้เคยทำงานประจำ ในบริษัทอาหารแปรรูปแห่งหนึ่ง จากนั้น ลาออกมาใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.สระแก้ว ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจซีเรียลจากข้าวกล้องงอก
       
       "ไอเดียแรกมาจากอยากทำธุรกิจอาหารแปรรูปแปลกใหม่ ที่ไม่ต้องใช้ทุน และเทคโนโลยีสูงเกินไป ขณะเดียวกัน ตั้งใจจะใช้วัตถุดิบข้าวหอมมะลิในท้องถิ่น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ข้าวและสร้างรายได้ให้ชุมชน หลังจากคิดหาสินค้าหลายประเภท จนมาสะดุดที่ข้าวเม่า ซึ่งมีกระบวนการทำเป็นภูมิปัญญาไทยโบราณ ประกอบกับจากที่ศึกษาข้อมูลพบว่า อาหารซีเรียลในตลาดโลกมีมูลค่ามหาศาล เกิดปิ๊งไอเดียว่า จะแปรรูปข้าวกล้องเป็นซีเรียล โดยประยุกต์กรรมวิธีจากการตำข้าวเม่า" กัญญณัช เผย
       
       ทั้งนี้ กว่าจะสำเร็จ ใช้เวลาวิจัยและพัฒนาสินค้า นานกว่า 2 ปีกับงบประมาณเกือบ 7 หลัก โดยวางตลาดภายใต้ชื่อเครื่องหมายการค้าว่า "ซีไรค์" (Cerice)

สูตรต้นตำรับ (ซ้าย) และสูตรผสมผลไม้อบแห้ง
       กัญญณัช ระบุถึงจุดเด่น คือ การแปรรูปเมล็ดข้าวโดยไม่ผ่านการแปรรูปให้เป็นแป้ง จึงคงคุณค่าทางอาหารจากธรรมชาติไว้ได้มาก และไม่มีคลอเรสเตอรอล นอกจากนั้น วัตถุดิบทำมาจากข้าวกล้องที่ผ่านกระบวนการให้งอก ช่วยเพิ่มสารกาบ้า (GABA : Gamma Amino Butyric Acid) ซึ่งมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างสูง ทั้งลดความดันโลหิตและปริมาณคลอเรสเตอรอล มีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคอัลไซเมอร์ อีกทั้ง มีธาตุแมงกานีส ในปริมาณสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง

       สำหรับกรรมวิธีการผลิตนั้น เริ่มต้นจากนำข้าวเปลือก พันธุ์หอมมะลิ 105 ไปแช่น้ำให้เกิดการงอก จากนั้น นำไปตำ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการทำข้าวเม่า เพื่อให้เมล็ดข้าวเป็นแผ่นเรียบบาง และกะเทาะเปลือกข้าวไปในตัวด้วย ต่อจากนั้น เคลือบผัก และสมุนไพรชนิดต่างๆ ลงบนเมล็ดข้าว เช่น ตำลึง กระถิน แครอท มอลต์ มะเขือเทศ ฯลฯ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ อีกทั้ง ช่วยให้ข้าวมีสีสันสวยงามน่ารับประทานยิ่งขึ้น สุดท้าย นำไปเข้าเตาอบ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
       

       ส่วนผสมซีเรียลจากข้าวกล้องงอก ไม่ได้เติมเกลือ รวมถึง ไม่ใส่สารกันเสีย หรือสารปรุงแต่งสี กลิ่น รสใดๆ ทั้งสิ้น สามารถเก็บไว้ได้นาน 3 เดือน โดยการรับประทานเหมือนซีเรียลจากข้าวโพดทุกประการ เช่น ใส่ในนม หรือน้ำเต้าหู้ หรือจะโรยหน้าสลัดก็ได้

รับประทาน โดยใส่ในนม
       สำหรับสินค้าเบื้องต้นมี 2 ประเภท ได้แก่ สูตรธัญพืช ซึ่งจะผสมผลไม้อบแห้ง เช่น สตรอเบอรี่ แบล็กเคอแรนท์ และลูกเกด กับสูตรต้นตำรับ ไม่ใส่น้ำตาล ราคาขายกล่องละ 39 บาท (น้ำหนัก 205 กรัม)
       

       ส่วนการทำตลาด เจ้าของไอเดีย เล่าว่า ปัจจุบัน วางขายตามอาหารเพื่อสุขภาพ ได้แก่ ร้านย่านโรงพยาบาลศิริราช และอนาคตเตรียมจะส่งเข้าในห้างดิสเคาน์สโตร์ต่างๆ ขณะที่การพัฒนาสินค้า จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง โดยทั้งหมดจะคงจุดเด่นนำข้าวไทยมาเพิ่มค่าในรูปแบบสากล

       "การพัฒนาสินค้า ดิฉันจะพยายามนำภูมิปัญญาไทยโบราณมาแปรรูปเป็นสินค้าที่เหมาะแก่คนรุ่นใหม่ พร้อมๆ กับอธิบายให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของอาหารจากธรรมชาติที่คนโบราณกินกัน สังเกตง่ายๆ ว่า คนในอดีตสุขภาพจะแข็งแรงกว่าคนสมัยนี้ โรคภัยต่างๆ ก็ไม่ค่อยเป็น ซึ่งส่วนสำคัญมาจากการกินอาหารจากธรรมชาติ" กัญญณัช กล่าว
       
       อย่างไรก็ตาม กัญญณัช เผยปัญหาธุรกิจว่า การผลิตในขณะนี้ ยังเป็นลักษณะโฮมเมด ไม่สามารถจะผลิตในปริมาณมากๆ ได้ ขณะที่คำสั่งซื้อนับวันจะยิ่งเพิ่มขึ้น ดังนั้น อนาคตคงจำเป็นต้องเพิ่มทุน เพื่อซื้ออุปกรณ์ และจ้างแรงงานเสริม เพื่อขยายกำลังผลิตต่อไป
       
       ************************************
       
       โทร.08-9021-7779
http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9520000036035


Hotmail® has a new way to see what's up with your friends. Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/