วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"ผงไหม"ประโยชน์มหาศาล

วันที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6732 ข่าวสดรายวัน


"ผงไหม"ประโยชน์มหาศาล





เศษไหมสีต่างๆ

ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ในแต่ละปีมีวัสดุเหลือใช้จากผลผลิตทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก ไหมก็เช่นเดียวกัน หลังจากนำไปใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอแล้ว ปีหนึ่งๆ ประเทศไทยยังมีเศษไหมเหลือทิ้งไม่ต่ำกว่า 2 แสนกิโลกรัม ซึ่งในเส้นไหมจะมีส่วนประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายจำนวนมาก หากมีโอกาสนำเศษไหมเหลือใช้เหล่านี้นำไปต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของไทย

สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) เห็นประโยชน์ของเศษไหมเหล่านี้ จึงเริ่มศึกษาวิจัย และปรับปรุงคุณสมบัติของผงไหมโดยใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ ขั้นตอนคือ นำรังไหมและเศษไหมที่เหลือจากอุตสาหกรรมทอผ้านำมาฉายรังสีแกมมา ซึ่งจะทำให้เส้นไหมสามารถบดเป็นอนุภาคเล็กๆ ได้ง่ายกว่าการไม่ฉายรังสี การฉายรังสียังทำให้เส้นไหมสามารถละลายน้ำได้ดี เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยให้การนำผงไหมไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมากขึ้น เป็นผลให้ได้ผงไหมที่มีคุณภาพสูง และนำผงไหมที่ได้จากการวิจัยถ่ายทอดไปยังผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอาง และภาคการเกษตร ทำให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูง เป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าเหล่านั้นได้อีกทางหนึ่ง

ผลิตภัณฑ์ด้านความงามที่ผสมผงไหม

จากเศษไหมเป็นผงไหม

ทอผ้าไหม





ผงไหมสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เนื่องจากมีกรดอะมิโนอยู่มากถึง 16-18 ชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น สามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง ทั้งยังช่วยรักษาปริมาณน้ำในผิวหนัง กำจัดสิ่งสกปรกในเซลล์และยืดอายุเซลล์

ผลจากการวิจัยยังพบว่า ผงไหมพันธุ์ไทยยังมีคุณสมบัติพิเศษ บางชนิดเด่นมากกว่าพันธุ์ไหมของต่างประเทศ เช่น มีสารช่วยป้องกันผิวแห้งและลดแอลกอฮอล์ในตับซึ่งมีมากกว่าถึง 3 เท่า มีสารช่วยความจำ ช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจมากกว่า 2 เท่า และมีสารลดการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสและสารต้านไวรัส มากกว่า 4 เท่า

"ผงไหม" ยังมีสารที่ช่วยควบคุม คอเลสเตอรอลในหลอดเลือด สลายแอลกอฮอล์ในร่างกาย ช่วยความจำ ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ฯลฯ ดังนั้น หากนำมาผสมในอาหาร นอกจาก จะเพิ่มคุณค่าสารอาหาร และยังมีประโยชน์ในหลายๆ ด้านอีกด้วย สทน. ยังประสบความสำเร็จในผลิตซิลก์เปปไทด์ (silk peptide) ที่มีอนุภาคขนาด 25-50 ไมครอน มีความสามารถในการละลายน้ำ 99.8% มีลักษณะเบาฟู ดูดซับความชื้นจากอากาศได้ยาก มีสารปนเปื้อนประเภทโลหะหนักน้อยกว่าผงไหมที่ผลิตจากที่อื่น

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำผงไหมไปเป็นส่วนผสมได้ เช่น ไส้กรอก กุนเชียง ลูกชิ้น ไอศกรีม บะหมี่ หมูยอ กุนเชียงที่ใส่ผงไหมลักษณะจะนุ่มเหมือนกับของซึ่งทำออกใหม่ เนื้อเหมือนกับว่าผสมหมูเนื้อแดงในอัตราส่วนที่มาก สีสันสด เนื้อนุ่มชวนกิน ส่วนโยเกิร์ต หรือไอศกรีม จะทำให้มีเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เนียน ไม่ละลายง่าย บะหมี่ ทำให้มีคุณสมบัติเหนียวนุ่มไม่ยุ่ย เมื่อใส่หมี่กรอบจะทำให้มีความกรอบอยู่นานโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น ลูกชิ้นจะเด้งโดยไม่ต้องใส่สารบอแรกซ์ อีกทั้งยังปลอดภัยต่อผู้บริโภคและมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย

เมื่อเร็วๆ นี้ สทน. ทดลองฉีดสารละลายโปรตีนไหมกับข้าวหอมปทุมธานี เนื้อที่ 2 ไร่ เปรียบเทียบกับข้าวหอมปทุมธานีที่ไม่ได้ฉีดสารละลายโปรตีนไหม (เนื้อที่ 10 ไร่) ที่ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นข้าวที่ปลูกในแปลงติดกัน มีคันนาติดกัน เริ่มปลูกในวันเดียวกัน และปฏิบัติเช่นเดียวกันทุกขั้นตอน แตกต่างกันที่การฉีดพ่นสารละลายไหมเท่านั้น ผลปรากฏว่า ข้าวหอมปทุมธานี แปลงที่ฉีดสารละลายโปรตีนไหม ให้สภาพต้นข้าวที่ดูแข็งแรง ใบเขียว ตั้งตรงกว่าต้นข้าว ที่ไม่ได้ฉีด ออกรวงและเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่าประมาณ 7 วัน และให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นไร่ละ 38.75% คิดเป็นจำนวนเงินเพิ่มประมาณไร่ละ 2,900 บาท นับเป็นหนทางช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม


หน้า 21
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNakExTURVMU1nPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdOUzB3TlE9PQ==

Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/