"ไจก้า"ดองรถไฟฟ้าสีม่วง ซัดสัญญาที่1ไม่โปร่งใส บีบ"รฟม."ปรับลดวงเงิน
"ไจก้า" ดองเค็มสัญญา 1 รถไฟฟ้าสายสีม่วง ให้เหตุผลมีปัญหาความไม่โปร่งใส วงเงินเกินจากกรอบที่ ครม.อนุมัติ บีบ รฟม.เคลียร์ปัญหาก่อนไฟเขียว "รณชิต" รับระบุไม่ได้เริ่มตอกเสาเข็มวันไหน บิ๊ก "บีเอ็มซีแอล" โอดฉุดยอดผู้โดยสารรถใต้ดินไม่ถึงฝัน
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ว่า การที่องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ยังไม่มีท่าทีที่จะเห็นชอบโครงการก่อสร้างสัญญาที่ 1 โครงสร้างยกระดับส่วนตะวันออก ระยะทาง 12 กิโลเมตร จำนวน 8 สถานี จากบางซื่อ-เตาปูน และสถานีเตาปูน-สะพานพระนั่งเกล้า ซึ่งกลุ่ม CKTC Joint Venture นำโดย บมจ.ช.การช่าง และบริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะในการเสนอราคา และมีการต่อรองราคา กระทั่งคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เห็นชอบที่ราคา 14,842 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวมีปัญหาที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใส และมีราคาสูงกว่ากรอบวงเงินที่ ครม.อนุมัติไว้ที่ 13,000 ล้านบาท
"ฝ่ายบริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถที่จะเคลียร์ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ และถ้าไจก้าอนุมัติให้ทั้งที่วงเงินเกินกรอบที่ ครม.อนุมัติ อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไจก้าได้ในภายหลัง ดังนั้นไจก้าจึงต้องการให้ รฟม.เคลียร์ปัญหาดังกล่าวให้ได้ก่อนจึงจะอนุมัติให้" แหล่งข่าวกล่าว
นายรณชิต แย้มสะอาด รองผู้ว่าการ รฟม.กล่าวว่า ระยะเวลาที่โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญาที่ 1 ที่ไจก้ายังไม่เห็นชอบ จะเป็นไปตามแผนเดิมนั้นคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากต้องรอการเจรจาปรับลดราคากับผู้รับงานทั้ง 3 สัญญาก่อนว่า วงเงินเกินกว่ากรอบที่ ครม.ได้อนุมัติไว้ที่ 36,000 ล้านบาทหรือไม่ ทำให้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าการก่อสร้างสายสีม่วงจะเริ่มได้เมื่อไร
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) กล่าวว่า การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ล่าช้ากว่ากำหนด ได้ส่งผลกระทบให้ยอดผู้โดยสารของ BMCL ไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ 300,000 เที่ยวต่อวัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 200,000 เที่ยวต่อวัน คาดว่าในปี 2552 จะมีจำนวนผู้โดยสาร 210,000 เที่ยวต่อวัน
ทั้งนี้ สัญญาที่ 2 โครงสร้างยกระดับส่วนตะวันตก จากสถานีสะพานพระนั่งเกล้า-สถานีคลองบางไผ่ และงานก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านทิศใต้ของสะพานพระนั่งเกล้า มี บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) เสนอราคาต่ำสุด 15,320 ล้านบาท แต่ ครม.เห็นชอบกรอบวงเงินไว้ที่ 12,600 ล้านบาท
ส่วนสัญญาที่ 3 ศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ จำนวน 4 แห่ง มีกลุ่ม PAR Joint Venture นำโดย บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) บมจ.แอสคอน คอนสตรัคชั่น (ASCON) และบริษัท รวมนครก่อสร้าง (ประเทศไทย) จำกัด เสนอราคาต่ำสุด 6,399 ล้านบาท จากกรอบวงเงินที่ ครม.อนุมัติ 5,900 ล้านบาท.
http://www.sanamluang.bloggang.com
http://tham-manamai.blogspot.com
Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น