วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

งานหิน สุภัค ศิวะรักษ์ เข็น ซีไอเอ็มบี ขึ้นภู


รายงานโดย :ทีมข่าวการเงิน:
วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552
เป้าใหญ่ของ กลุ่มซีไอเอ็มบี ธนาคารขนาดใหญ่สัญชาติมาเลเซียที่เข้ามาถือหุ้นในธนาคารไทยธนาคาร คือ การสร้างธนาคารน้องใหม่ให้กลายเป็นผู้นำในตลาด ทั้งด้านรายย่อย รายใหญ่
ภารกิจสำคัญในการเข็นธนาคารแห่งนี้จึงตกอยู่กับ สุภัค ศิวะรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่ต้องเข็นให้ธนาคารขนาดเล็กแห่งนี้ลุกขึ้นมาสู้ในตลาด สุภัคจะเข็นอย่างไรน่าสนใจ

 ตั้งความหวังกับตัวเองไว้อย่างไร สำหรับที่ใหม่?

ไม่ได้ตั้งความหวังอะไร ผมก็ต้องบริหารในสภาวะที่มีข้อห้ามมีขีดจำกัด แต่ผมคิดว่าไม่มีปมด้อย ซึ่งมันมีบทเรียนสำหรับผม ตอนนั้นที่ผมทำอะไรไปเพื่อองค์กร เพื่อความหวังดี ซึ่งบางครั้งอาจไม่ได้ออกมาดีเสมอไป คิดว่ามีบทเรียนขึ้นมาในการทำอะไร การสื่อกับทุกคนที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องที่สำคัญต้องทำให้ชัดเจน ให้เข้าใจ บางครั้งเราจะคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะพูด หรือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พูดไม่ได้

 มาถึงซีไอเอ็มบีกับไทยธนาคาร วัฒนธรรมของคนต่างกันไหม เยอะหรือเปล่า?

ก็ต่างพอสมควร อย่างของซีไอเอ็มบีมาจาก 7-8 ก๊ก แต่ว่าถ้าไปดูแล้วถูกละลายพฤติกรรมไปแล้ว หรือถ้าจะมีก๊กก็เป็นก๊กตามสายงาน ซึ่งมันเป็นไปตามธรรมชาติ ก๊กตลาด ก๊กสินเชื่อ ก๊กไอที ก็เป็นธรรมดา

 ถ้าเป็นลูกค้าธนาคารอื่นแล้ว พนักงานซีไอเอ็มบีจะทำอย่างไรจะมาดึงลูกค้าได้?

1.เป็นธนาคารที่มีผู้บริหารเป็นคนไทย 2.ตัวองค์กรเล็ก กึ่งหิว คุณเป็นลูกค้าไทยพาณิชย์เป็นลูกค้าธนาคารกรุงเทพ คุณเป็น 1 ในลูกค้า 900 สาขา เป็น 1 ในสินทรัพย์ที่เขามี 1.5 ล้านล้าน คุณเป็นลูกค้าพันล้านคุณคิดว่าเขามีกี่ราย คุณมาอยู่ธนาคารนี้ เราเป็นธนาคารเล็ก เรารับประกันบริการ ผมไม่ได้บอกว่าเป็นธนาคารที่มีระบบดีเลิศ แต่เราเป็นธนาคารที่กระชับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่บางธนาคารคิดว่าเป็นขนาดกลางหรือเล็ก แต่สำหรับเราเป็นเรื่องใหญ่ และเราเป็นองค์เล็ก มาถึงระดับผมได้อยู่แล้ว

 เราควรจะชกกับใคร?

ถ้าผมจะแข่งกับเกียรตินาคิน ธนชาต หรือทิสโก้ ตอนนี้เขามียุทธศาสตร์ที่ดี แต่ถามว่าในระยะยาวแล้วโมเดลยั่งยืนไหม ก็ไม่เชิง เพราะอย่างธนชาตหรือทิสโก้ ตัวโปรดักต์ที่วางไว้ค่อนข้างแคบมาก ธนชาตโตด้วยสินเชื่อรถยนต์ เขาเก่งต้องให้เครดิตเขา แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ราคาสินค้าเกษตรไม่ดี ตลาดปิกอัพต่างจังหวัดหายไป เขาจะเหนื่อยแค่ไหน คอสต์ออฟฟันด์สูง 3 แสนล้านบาท เขายอมจ่ายในส่วนนี้ เพราะว่าเขาได้ผลตอบแทนสินเชื่อรถยนต์ดี

ฉะนั้น ตอนนี้ผมถึงไม่แปลกใจที่มีข่าวว่าเขาอยากได้ธนาคารนครหลวงไทย เพราะเขามองว่าเขาได้ฐานเงินฝาก

เกียรตินาคินเขาอยู่กับการบริหาร อยู่ในธุรกิจของเขาอยู่แล้ว ไม่มีคนอยากจะแยกอยู่แล้ว ธนาคารเล็กก็มีกลยุทธ์ของเขา แต่กลยุทธ์ของเขาก็มีความเสี่ยง เพราะว่าเหมือนไม่กระจายความเสี่ยง แล้วอย่างของซีไอเอ็มบีไทย เหมือนกับว่าเราเป็นเด็กเล็ก ที่จะไปชกกับผู้ใหญ่ แต่ผมไม่ได้กะว่าจะไปชกกับไทยพาณิชย์ทุกสนาม เรากำลังบอกว่า 1.เรามีเครือข่ายในย่านชุมชน และเราก็มีเครือข่ายอยู่ในกทม. และอยู่ในหัวเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ ตลาดของเราคือ ตลาดคนที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งคนที่อยู่ในชุมชนจะมีรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ

ทำอย่างไรจะได้คนกลุ่มนี้เข้ามา ทุนเราก็มีอยู่แล้ว เพราะเราก็มีฐานลูกค้าเงินฝากของเรา วิกฤตอย่างไร เราไปคัดชื่อมา 6,000-7,000 ราย ที่มีบัญชีเกิน 30 ล้านบาทขึ้นไป เขาก็ยังอยู่กับธนาคารเรา

ถามว่าเราจะไปสู้กับไทยพาณิชย์อย่างไร เขามีมาร์เก็ตแชร์ 15% ผมก็ไม่ได้กะว่าไปเอาแชร์เขา เรายังมีแชร์ที่อื่นอีกที่ทำได้ ถ้าเราวางตำแหน่งโปรดักต์ดีๆ คือ เราอาจเป็นที่ 3 ก็ได้ถ้ามาทำตลาดนี้ แต่ก็ยังมีอีก 13 คนที่ยังไม่ได้ทำเรื่องนี้เต็มที่ เราไม่ได้กะแข่งทุกอย่าง อย่างบัตรเครดิตเราก็ไม่มี เรายังไม่ทำ แต่ทุกอย่างเรามองว่าเป็นจังหวะและเวลาว่าเราพร้อมเมื่อไหร่

อย่างช่วงนี้เราเน้นขายธุรกิจรายย่อย อยากขยายสินเชื่อเคหะ ถ้าเราปรับขบวนการเรา ไปคุยกับผู้ประกอบการ ไปคุยกับเขา ธนาคารนี้กันไว้ 3,000 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นไทยพาณิชย์เดือนเดียวคงทำได้ ผมกำลังคิดว่าขอเสี้ยวหนึ่งของตลาด ผมคิดว่าทำได้

ผมกำลังปรับกลยุทธ์ของธุรกิจรายย่อย ธนาคารนี้เมื่อก่อนนี้ในการไปหาสินเชื่อ เหมือนออกเรือต่างคนต่างออกเรือไปตกปลา ผมบอกว่าให้ปรับ อย่างสินเชื่อเคหะ ทีนี้วิธีทำ ให้เป้าสาขาไป แต่ละคนก็ไปหามา ซึ่งไม่ได้มีการกำหนดมาตรฐานว่าจะเอาลูกค้าแบบไหนมา เอาโครงการแบบไหนมา พอต่างคนต่างเอาปลามา มันคนละพันธุ์คนละสเปก เวลาส่งก็ให้คนวิเคราะห์และคัดออกก็ต้องสูง

ผมกำลังปรับโจทย์ คิดว่าชื่อแบรนด์เขาดี ความเสี่ยงน้อยกว่า แทนที่จะปล่อยแถวบางพลี ก็มาปล่อยแถวทางด่วน รถไฟฟ้า ซึ่งถ้าเป็นบริษัทใหญ่ก็จะมีประวัติลูกค้าที่ดี บอกเราได้ว่า 18 เดือนผ่อนเงินดาวน์ได้ตรงหรือไม่ตรง

อย่างปีนี้ผมบอกว่าขยายสินเชื่อ 1.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 15% ธนาคารนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ลำบาก ธนาคารตั้งใจลดสินเชื่อจาก 1.2 แสนล้านบาท เป็น 8 หมื่นล้านบาท จึงตั้งใจกลับไปเอาคืนที่ลูกค้าที่เคยอยากใช้วงเงินแล้วไม่ได้ใช้ หันไปใช้ที่อื่น

แต่เราเป็นเจ้าหนี้หลัก 1.2 หมื่นล้านบาท ประมาณ 3,000 ล้านบาท มาจากรายใหญ่ ถามว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ ก็มีลูกค้าเก่า

รายย่อยก็สินเชื่อเคหะ โครงสร้างประชากรบ้านเรา คนอายุประมาณ 20 กำลังโตขึ้น บ้านก็ยังเป็นปัจจัยยังมีความสำคัญ ช่วงนี้ภาวะดอกเบี้ยก็ถูก รัฐบาลก็อัดเรื่องภาษี ตอนนี้ก็่น่าทำ

เอสเอ็มอีรายย่อยช่วงนี้เราไม่ทำ เพราะเราไม่พร้อม แต่เราไปจับลูกค้ารายใหญ่อีกหลายพันล้าน ผมบอกลูกน้องว่าช่วงนี้เราอย่าเพิ่งจับปลาเล็ก แหอวนเรายังไม่พร้อม เราก็ไปจับปลาใหญ่ เรามีศูนย์เอสเอ็มอีประมาณ 36 ทั่วประเทศ เอาแค่ว่าแต่ละแห่งไปหาลูกค้า 2 ราย ผมมีเป้า 3,000 ล้านบาท ถ้าผมหามารายละ 150 ล้านบาท 20 รายก็ 2,000 ล้านบาทแล้ว

 เปรียบเทียบซีไอเอ็มบีเป็นคน ธนาคารซีไอเอ็มบีจะเป็นคนแบบไหน?

คงไม่เหมือนคนไอซียู แต่เหมือนนักกีฬาซึ่งกำลังเตรียมลงสนามที่จะแข่ง แล้วประสบอุบัติเหตุ แล้วต้องไปนอนพัก 2 ปี เหมือนเรามีกล้าม แต่ยังไม่ได้ใช้งาน ตอนนี้กลับมายังไงก็ต้องซ้อม ผมคิดอย่างนั้น

ถ้าเป็นคน ซีไอเอ็มบีจะมีอายุประมาณ 26-27 ปี คล้ายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเจออะไรไปสมควร

โจทย์ที่ผมคุยกับทางซีไอเอ็มบีกรุ๊ป เขาก็อยากเห็นว่าภายในปี 2556 อีก 4 ปี อยากเห็นธนาคารนี้ 1.อัตราผลตอบแทนอาร์โออี 1 ใน 3 ซึ่งถ้าดูในตลาดก็ 16% ส่วน อาร์โอเอก็แล้วแต่ ในกลุ่มเขาทำได้อยู่แล้ว ก็คาดหวังว่าธนาคารนี้อยู่ในเครือเดียวกัน

 แผนกไหนที่จะให้ความสำคัญหรือเป็นหัวใจกับการหารายได้?

ถ้าในช่วงนี้ในช่วงแรกก็ต้องเป็นกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายใหญ่ๆ เพราะการจะขยายรายย่อยต้องใช้ระบบ และการทำรายใหญ่ก็ทำได้เลย ตัวรายย่อยเอสเอ็มอี ปีนี้ก็คงพอทำได้ แต่เอสเอ็มอีจะมีการแยกกลุ่ม เรียกว่ากลุ่มไมโครซึ่งเรายังไม่โต กำลังปรับโปรแกรมอยู่คงปลายปี

แต่ขนาดกลางผมก็มองว่าเราต้องปรับขบวนการ แต่ตัวที่ขยายได้คงเป็นเอสเอ็มอีวงเงิน 50-200 ล้านบาท ซึ่งเรามีสาขาเครือข่ายเอสเอ็มอี 30 ศูนย์ ซึ่งคิดว่าเราจับได้
http://www.posttoday.com/finance.php?id=51213

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/